อาการไอกับกรดไหลย้อน

อาการไอกับกรดไหลย้อน

HIGHLIGHTS:

  • อาการไอ เกิดจากร่างกายพยายามขับสิ่งแปลกปลอมออกจากระบบทางเดินหายใจ ซึ่งช่วยลดปริมาณเชื้อโรคในร่างกายได้ แต่ก็เป็นการแพร่กระจายของเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ด้วยเช่นกัน
  • หากมีอาการ จุกเสียด และแสบร้อนหน้าอก มากกว่าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งหลอดอาหารได้
  • โรคกรดไหลย้อนมีความเกี่ยวข้องกับอาการไอเรื้อรังอย่างน้อย 25 % เมื่อมีอาการไอที่หาสาเหตุไม่พบ การรักษากรดไหลย้อนอาจช่วยให้ผู้ป่วยดีขึ้นได้

‘อาการไอ’ ถือเป็นกลไกอย่างหนึ่งของร่างกายในการขับสิ่งแปลกปลอมออกจากระบบทางเดินหายใจ เช่น มูก เสมหะ รวมถึงเชื้อโรคต่างๆ การไอจึงเป็นการช่วยลดปริมาณเชื้อโรคในร่างกายของผู้ป่วย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการกระจายเชื้อโรคไปสู่ผู้อื่นด้วยเช่นกัน

เมื่ออาการไอเป็นหนึ่งในอาการของโรคโควิด- 19 ที่กำลังแพร่ระบาดในปัจจุบัน นอกจากภาวะไข้สูงและอาการร่วมอื่นๆ  จึงสร้างความวิตกกังวลให้ผู้ที่มีอาการไอติดต่อกันหลายวัน หรือไอเรื้อรัง เป็นอย่างมาก   

อาการไอ

ไอ (Cough)  เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป สามารถแบ่งตามระยะเวลาของอาการไอ ดังนี้

  • ไอเฉียบพลัน เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ  เช่น  หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม ซึ่งหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ผู้ป่วยจะสามารถฟื้นตัวและหายไอ ภายใ นไม่เกิน 3 สัปดาห์
  • ไอกึ่งเฉียบพลัน มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจเช่นกัน แต่ผู้ป่วยอาจมีการติดเชื้อที่รุนแรงกว่า การฟื้นตัวจึงใช้เวลานานกว่า คือประมาณ 3-8 สัปดาห์ขึ้นไป
  • ไอเรื้อรัง มีอาการไอติดต่อกันยาวนานกว่า 8 สัปดาห์ ส่วนใหญ่เกิดจากการอักเสบและติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ รวมถึงโรคกรดไหลย้อน

ไอเรื้อรัง กับ โรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อน  (GERD) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อกรดจากกระเพาะอาหาร เคลื่อนตัวขึ้นไปยังหลอดอาหาร ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองของเนื้อเยื่อและนำไปสู่อาการจุกเสียด เรอ คลื่นไส้ และแสบร้อนกลางอก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อมากเกินไป โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูงและย่อยยาก รวมถึงการดื่มชา กาแฟ ซึ่งมีผลทำให้กล้ามเนื้อหูรูดระหว่างกระเพาะและหลอดอาหารส่วนปลายหย่อน

ทั้งนี้อาการจุกเสียดและแสบร้อนหน้าอกมักเกิดขึ้นมากกว่าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอาจทำให้เกิดแผลและความเสียหายถาวรโดยเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหาร

อย่างไรก็ตาม แม้อาการจุกเสียด แสบร้อนกลางอกและเรอเปรี้ยว จะเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดของ โรคกรดไหลย้อน  แต่อาการไอเรื้อรังก็เป็นอาการหนึ่งที่พบบ่อยเช่นกัน   โดยงานวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่าโรคกรดไหลย้อนมีความเกี่ยวข้องกับอาการไอเรื้อรังอย่างน้อย 25 % รวมถึงผู้ป่วยไอเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ หากตรวจอย่างละเอียดจะพบว่ามีปัจจัยมาจากโรคกรดไหลย้อนมากถึง 40%โดยผู้ป่วยไม่มีอาการของกรดไหลย้อน เช่น เรอเปรี้ยว หรือแน่นหน้าอกก็เป็นได้ (ข้อมูลอ้างอิง

ไอเรื้อรัง กรดไหลย้อน

อาการไอเรื้อรังจากภาวะ กรดไหลย้อน เกิดขึ้นจากกรดไหลย้อนลงไปในหลอดลม ทำให้เกิดภาวะหลอดลมอักเสบเรื้อรัง   บางกรณีอาจเสี่ยงกับอาการหอบหืด หรืออาจเกิดจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไประคายเคืองเส้นประสาทบริเวณหลอดอาหารส่วนปลายแล้วกระตุ้นให้เกิดอาการไอขึ้น นอกจากนี้ หากพบอาการไอหลังรับประทานอาหารมักเกิดจากความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น  จนกรดไหลลงไปในหลอดลม ส่วนภาวะไอในขณะนอนหลับ  จนสำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกมีสาเหตุมาจากกรดในกระเพาะอาหารที่เพิ่มมากขึ้นและไปรบกวนระบบทางเดินหายใจ ทำให้หลอดลมหดตัวหรือเกิดการอักเสบ

วิธีการรักษาโรคกรดไหลย้อน

  • รับประทานยาแก้ไอเพื่อช่วยบรรเทาอาการ
  • รับประทานยาลดกรดเพื่อยับยั้งการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร
  • ในกรณีที่รุนแรง อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานยาเป็นเวลานานหรือพบผลข้างเคียงจากการใช้ยา รวมถึงผู้ป่วยที่ใช้ยามาเป็นเวลานาน แต่ไม่สามารถควบคุมอาการได้แล้ว

สำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารจะช่วยให้อาการดีขึ้น โดยการรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละมื้อ รับประทานอาหารช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด เน้นอาหารมีประโยชน์  ไขมันต่ำ ย่อยง่ายและมีกากไย นอกจากนี้ไม่ควรปล่อยให้น้ำหนักมากเกินไปด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดชากาแฟ และไม่สูบบุหรี่ รวมถึงการลดความดันในกระเพาะอาหารด้วยการสวมเสื้อผ้าหลวมๆ  และที่สำคัญคือไม่นอนราบหลังหรือระหว่างมื้ออาหาร ควรรอประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน

อย่างไรก็ตามหากพบอาการไอเรื้อรัง นานกว่า 3–8 สัปดาห์ โดยไม่ได้รับประทานยาที่กระตุ้นให้ไอมากขึ้น  ไม่สูบบุหรี่  ไม่ป่วยเป็นภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ หรือโรคหอบหืด รวมถึงการเอ็กซเรย์พบว่าปอดปกติ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการไอที่หาสาเหตุไม่พบ การรักษากรดไหลย้อนอาจช่วยให้ผู้ป่วยดีขึ้น  โดยผู้ป่วยสามารถพบแพทย์ด้านระบบทางเดินอาหารเพื่อรับการวินิจฉัยอย่างละเอียด ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ก่อนเกิดอาการนอยด์ กังวลอาจคิดว่าติดโรคโควิด-19

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?