วิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญ ปรุงเฉพาะบุคคล ดูแลสุขภาพแบบตรงจุด

วิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญ ปรุงเฉพาะบุคคล ดูแลสุขภาพแบบตรงจุด

HIGHLIGHTS:

  • วิตามิน คือ สารอาหารที่ร่างกายควรได้รับ ซึ่งร่างกายคนเราไม่สามารถสร้างขึ้นได้ แต่สามารถรับประทานอาหารเสริมสร้างวิตามินในร่างกายได้
  • วิตามินสามารถรับประทานได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ เนื่องจากวิตามินจำเป็นต่อร่างกาย แต่ควรรับประทานตามความเหมาะสมเท่านั้น เพราะการรับประทานวิตามินมากเกินไปอาจส่งผลที่ไม่ดีต่อร่างกายได้ 
  • วิตามินบางชนิด เช่น วิตามินดี ก่อนรับประทานควรเจาะเลือดตรวจเพื่อไม่ให้ระดับวิตามินดีในเลือดสูงเกินไป เพราะอาจส่งผลให้ระดับแคลเซียมในเลือดผิดปกติได้
  • ในปัจจุบันสามารถตรวจวิตามินในร่างกาย หรือการตรวจเลือดดูภาวะขาดวิตามิน และปรุงวิตามินตามความต้องการในแต่ละบุคคล ทำให้สามารถดูแลสุขภาพได้อย่างตรงจุด 
     

วิตามิน คืออะไร

วิตามิน (Vitamins) คือ สารอาหารชนิดหนึ่งที่ร่างกายควรได้รับ และร่างกายคนเราไม่สามารถสร้างขึ้นได้ แต่ถ้าเรารับประทานอาหารครบสามมื้อ และมีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ร่างกายก็จะไม่มีภาวะขาดวิตามิน และอาจไม่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินเสริม แต่สำหรับบางคนที่มีภาวะหรือโรคบางอย่างอาจทำให้ขาดวิตามินได้ จึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริม หรือ วิตามินเสริม แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป

วิตามินสามารถแบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

  • วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามิน B และ C สามารถอยู่ในร่างกายได้ในระยะเวลาสั้นๆ ส่วนที่เหลือจากการใช้งานจะถูกขับออกมากับปัสสาวะ
  • วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน A D E และ K สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ แต่ไม่สามารถขับออกมาทางปัสสาวะได้ ซึ่งถ้าหากร่างกายได้รับมากเกินไปจะเก็บสะสมไว้ในร่างกายและอาจเป็นอันตรายได้

แร่ธาตุ คืออะไร

แร่ธาตุ (Mineral) คือ สารอาหารจำเป็นสำหรับร่างกาย แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จึงต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร พืช และเนื้อสัตว์ต่างๆ แร่ธาตุมีส่วนช่วยในการควบคุมกระบวนการต่างๆ ของร่างกาย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ รวมถึงช่วยในการทำงานของระบบประสาทและต่อมไร้ท่อ หากมีอาการ เช่น เมื่อยล้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผมร่วง กระดูกเปราะ ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาจเป็นสัญญาณบอกว่าร่างกายกำลังขาดแร่ธาตุก็ได้

แร่ธาตุแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • แร่ธาตุหลัก (Macro minerals) เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณมาก เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โซเดียม และโพแทสเซียม
  • แร่ธาตุรอง (Trace minerals) เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย เช่น เหล็ก ไอโอดีน สังกะสี ซีลีเนียม และทองแดง

วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ

  1. วิตามิน A ช่วยในการมองเห็น และรักษาการคงสภาพของเยื่อบุผิว มักพบในผัก ผลไม้สีเหลือง สีเขียว สีส้ม เช่น แครอท มะเขือเทศ ฟักทอง 
  2. วิตามิน B แบ่งได้หลายประเภท เช่น B1 B2 B6 B7 B12 ช่วยในการนำสารอาหารประเภทไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนไปใช้ในรูปแบบพลังงาน มักพบในเนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว ธัญพืช 
  3. วิตามิน C ช่วยในสร้างหลอดเลือด กระดูกอ่อน กล้ามเนื้อ และคอลลาเจน ทั้งยังช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก และเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกาย มักพบในผัก ผลไม้ เช่น พริกหวาน ผักคะน้า บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ ถั่วลันเตา มะระ ผักหวาน มะเขือเทศ ฝรั่ง ส้ม กีวี สตรอว์เบอร์รี มะละกอ 
  4. วิตามิน D ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูก บำรุงกล้ามเนื้อ ปอด สมอง หัวใจ ระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกัน มักพบในปลาซาร์ดีน ปลาเทราต์ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล นม ซีเรียล 
  5. วิตามิน E ช่วยบำรุง สมอง ดวงตา ผิวพรรณ และเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยปกป้องและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว มีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งสามารถช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ หรือโมเลกุลที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง อัลไซเมอร์ และโรคหัวใจ
  6. แคลเซียม (Calcium) จำเป็นสำหรับกระดูกและฟันที่แข็งแรง นอกจากนี้ยังสนับสนุนการทำงานที่เหมาะสมของหลอดเลือด กล้ามเนื้อ เส้นประสาท และฮอร์โมน มักพบในผลิตภัณฑ์พวกนม โยเกิร์ต ชีส และปลาขนาดเล็กที่มีกระดูก ถั่ว อาหารบางชนิดยังเสริมแร่ธาตุด้วย เช่น เต้าหู้ ซีเรียล และน้ำผลไม้
  7. ซีเลเนียม (Selenium) เป็นแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และนำมาใช้ทางการแพทย์ในบางกรณี เช่น รักษาภาวะขาดซีเลเนียม รักษาโรคความผิดปกติของต่อมไทรอยด์และระบบภูมิคุ้มกัน มักพบในอาหารทะเล ธัญพืช เนื้อวัว
  8. สังกะสี (Zinc) ช่วยในการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ของร่างกาย รวมไปถึงกระบวนการย่อยและเผาผลาญสารอาหารต่างๆ และมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีนที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย กระบวนการสังเคราะห์สารพันธุกรรม ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท ฮอร์โมน รวมถึงระบบภูมิคุ้มกัน เช่น การสร้างภูมิคุ้มกัน การเจริญเติบโต การทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน มักพบในอาหารทะเล หอยนางรม เมล็ดทานตะวัน เห็ด เนื้อหมู ไข่ ข้าวกล้อง ถั่วลิสง ปลา จมูกข้าวสาลี แป้งงา เมล็ดฝักทอง ธัญพืช เครื่องเทศ ผักโขม
  9. โครเมียม (Chromium) เป็นแร่ธาตุโลหะหนักชนิดหนึ่งที่สำคัญต่อร่างกาย แต่ถ้าหากได้รับมากจนเกินไป โดยเฉพาะจากการสูดดมหรือการรับประทาน ก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ มักพบได้จากน้ำมันข้าวโพด จมูกข้าวสาลี เมล็ดธัญพืชไม่ขัดสีเห็ด ไข่แดง เนื้อไก่ ตับลูกวัว ชีสอเมริกัน
  10. แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นแร่ธาตุที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย สามารถพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย แต่บริเวณที่พบมากคือ กระดูก ในเซลล์กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ ถ้าร่างกายขาดแร่ธาตุแมกนีเซียม หรือมีปริมาณแมกนีเซียมในร่างกายต่ำจะส่งผลเสียมากมาย เช่น ปวดศีรษะไมเกรน อ่อนเพลีย ร่างกายเหนื่อยตลอดเวลา กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อชา เป็นตะคริวได้ง่าย กล้ามเนื้อหดเกร็งแบบผิดปกติ คุณภาพการนอนหลับต่ำ อารมณ์ไม่ปกติ เสี่ยงทำให้เกิดโรควิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ ความดันโลหิตสูง และเกิดภาวะกระดูกพรุน เป็นต้น
  11. ทองแดง (Copper) เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว และมีหน้าที่ไปกระตุ้นให้ร่างกายใช้ธาตุเหล็กเพื่อสร้างฮีโมโกลบิน นอกจากนี้ ยังจำเป็นต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง หากขาดทองแดงอาจมีส่วนทำให้เกิดภาวะโลหิตจางและกระดูกพรุน มักพบจากเครื่องในสัตว์ (โดยเฉพาะตับ) อาหารทะเล ถั่ว ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืชไม่ขัดสี

สาเหตุที่ทำให้ร่างกายขาดวิตามิน

  • อาหารที่รับประทานในแต่ละวัน อาจมีสารอาหารกลุ่มวิตามินน้อยเกินไป โดยเฉพาะอาหารที่ทำไหม้ เกรียมเกินไป ซึ่งจะทำให้วิตามินในอาหารน้อยลง และไม่มีสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งอาหารที่ผ่านความร้อนเป็นเวลานาน หรืออาหารที่ผ่านกระบวนการทำให้สุกนานเกินไปก็จะทำให้มีวิตามินลดลงเช่นกัน
  • ร่างกายต้องการวิตามินมากขึ้น อย่างในกลุ่มผู้ที่ตั้งครรภ์ คุณแม่ที่ให้นมบุตร กลุ่มนักกีฬา ผู้ที่ออกกำลังกายมากกว่าปกติ หรือแม้แต่ในกลุ่มผู้ป่วยบางโรค ก็มีส่วนทำให้ร่างกายขาดวิตามินได้ 
  • อาหารบางอย่างที่ไปขัดขวางหรือทำลายการดูดซึมของวิตามิน เช่น การดื่มชา กาแฟ หรือแอลกอฮอล์ จะทำให้วิตามินบี 1 ถูกขับออกจากร่างกายมากขึ้น ซึ่งการรับประทานเป็นประจำก็จะทำลายวิตามินบี 1 ที่ดูดซึมจากลำไส้ส่งผลให้เป็นโรคเหน็บชาได้ง่ายขึ้น

วิตามินสามารถรับประทานได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ เนื่องจากวิตามินจำเป็นต่อร่างกาย แต่ควรรับประทานตามความเหมาะสมเท่านั้น เพราะการรับประทานวิตามินมากเกินไป โดยเฉพาะวิตามินในกลุ่มที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอ หากผู้ที่ตั้งครรภ์ ในช่วง 3 แรกได้รับมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครภ์ได้ หรือ วิตามินดี ก่อนรับประทานควรเจาะเลือดตรวจเพื่อไม่ให้ระดับวิตามินดีในเลือดสูงเกินไป เพราะอาจส่งผลให้ระดับแคลเซียมในเลือดผิดปกติได้

ใครบ้างที่ควรตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ?

  1. ผู้ที่มีอาการบ่งบอกถึงภาวะขาดวิตามิน เช่น อ่อนเพลีย ผมร่วง เป็นตะคริวบ่อย ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ นอนไม่หลับ
  2. ผู้ที่รับประทานอาหารไม่สมดุล เช่น ผู้ที่ทานมังสวิรัติ วีแกน หรือหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท
  3. ผู้สูงอายุ ซึ่งระบบดูดซึมสารอาหารลดลง โดยเฉพาะวิตามิน B12 และ D
  4. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคลำไส้อักเสบ ที่อาจส่งผลต่อการดูดซึมวิตามิน
  5. ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ เช่น ยาลดกรด ยาขับปัสสาวะ ยากลุ่มสเตียรอยด์ ที่อาจรบกวนการดูดซึมวิตามิน
  6. ผู้ที่ออกกำลังกายหนักหรือเครียดสูง อาจต้องการสารอาหารบางชนิดมากกว่าคนทั่วไป

ตรวจวิตามินในร่างกาย หรือการตรวจวิตามินและแร่ธาตุจากเลือด มีประโยชน์อย่างไร

ในปัจจุบันสามารถตรวจวิตามินในร่างกาย สารต้านอนุมูลอิสระและแร่ธาตุ จากเลือดได้ โดยแพทย์เฉพาะทางจะซักประวัติ และวิเคราะห์ปัญหาของแต่ละคนว่าการใช้ชีวิตประจำวันจะมีผลต่อสุขภาพอย่างไร แพทย์จะแนะนำให้ตรวจเลือดเพื่อดูระดับของวิตามินและแร่ธาตุ พร้อมแนะนำการปรับวิตามินและแร่ธาตุให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป หรือจะเป็นการรับวิตามินแบบปรุงเฉพาะสำหรับบุคคล เพื่อให้ได้วิตามินสำหรับบุคคลอย่างแม่นยำ ทำให้สามารถดูแลสุขภาพและผิวพรรณไปพร้อมกันได้อย่างตรงจุด 

คะแนนบทความ