ไข้เลือดออกไม่ใช่เพียงโรคประจำถิ่นทั่วไปที่ทุกคนเคยได้ยินมาตลอด เพราะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ โรคไต หรือโรคอ้วน ไข้เลือดออกอาจกลายเป็นโรคที่นำไปสู่การเจ็บป่วยรุนแรง หรือแม้กระทั่งการเสียชีวิตได้
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กลุ่มที่มีอัตราเสียชีวิตสูงสุด คืออายุ 45 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรง เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ ไต ปอดเรื้อรัง และโรคอ้วน
ไข้เลือดออกเป็นโรคติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ไวรัสชนิดนี้แบ่งออกเป็น 4 สายพันธุ์ (Serotypes) ได้แก่ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 การติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ และอาการแสดงมีตั้งแต่ระดับไม่รุนแรงไปจนถึงภาวะอันตรายถึงชีวิต
ในระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยมักมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ สำหรับผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการรุนแรง เช่น มีเลือดออกตามผิวหนังหรืออวัยวะภายใน เกล็ดเลือดต่ำ ภาวะช็อก (Dengue Shock Syndrome) หรือภาวะอวัยวะล้มเหลว ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลในโรงพยาบาล
1. เบาหวาน (Diabetes mellitus)
ผู้ป่วยเบาหวานเมื่อติดเชื้อไข้เลือดออก มีโอกาสเสี่ยงป่วยไข้เลือดออกรุนแรง สูงกว่าคนทั่วไปถึง 4 เท่า เนื่องจากภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เบาหวานอาจทำให้เกิดการอักเสบที่ไม่สมดุล และ ภาวะบาดเจ็บของเซลล์บุหลอดเลือด ส่งผลเพิ่มการรั่วไหลของหลอดเลือด นำมาสู่การเกิดภาวะช็อกจากไข้เลือดออก
ยิ่งไปกว่านั้น หากควบคุมเบาหวานได้ไม่ดี (HbA1C > 7) ร่วมกับมีโรคร่วมอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง (stroke) โรคหัวใจขาดเลือด (ischemic heart disease) ความเสี่ยงในการเกิดไข้เลือดออกรุนแรง อาจเพิ่มสูงถึง 32 เท่า เมื่อเทียบกับคนสุขภาพดี
2. โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular diseases)
3. โรคไต (Kidney disease)
ผู้ป่วยโรคไตมีโอกาสเสี่ยงป่วยไข้เลือดออกรุนแรงสูงกว่าคนทั่วไปถึง 4 เท่า ไข้เลือดออกทำให้เกิดการรั่วของพลาสมาและเสียสมดุลเกลือแร่ ผู้ป่วยโรคไตจึงเผชิญความเสี่ยงสูงต่อภาวะไตวายเฉียบพลัน
4. ภาวะอ้วน (obesity)
มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปที่จะเกิดไข้เลือดออกรุนแรง (severe dengue) มากกว่า 1.5 เท่า จากการอักเสบเรื้อรังและความผิดปกติของหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดภาวะพลาสมารั่ว เลือดออก และอวัยวะล้มเหลวได้บ่อยขึ้น
5. โรคปอดเรื้อรัง
เช่น COPD หรือหอบหืด (Asthma) ก็จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน โดยมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปที่จะเกิด ไข้เลือดออกรุนแรง (severe dengue) เนื่องจากร่างกายรับมือกับภาวะพร่องออกซิเจนได้ยาก เมื่อเกิดการรั่วของพลาสมาและน้ำท่วมปอดจากไข้เลือดออก จึงมีโอกาสเกิดภาวะหายใจลำบากรุนแรง (respiratory distress) รวมถึงทำให้อัตราการนอนโรงพยาบาลและเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัว
ผู้มีโรคประจำตัวเมื่อป่วยเป็นไข้เลือดออกมักเผชิญภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและซับซ้อนกว่า ดังนี้
วัคซีนไข้เลือดออก ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน ไม่ต้องกระตุ้นซํ้า
แนวทางป้องกันที่ควรปฏิบัติ ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีน