โรคแบคทีเรียกินเนื้อ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอยู่ตามสิ่งแวดล้อมโดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายจากบาดแผลบริเวณผิวหนัง เช่น ได้รับอุบัติเหตุ ถูกตะปูหรือหนามตำ ถูกแมลงกัด สัตว์เลี้ยงข่วนแล้วไม่ทำความสะอาดให้ดี หรืออุปกรณ์ทำแผลไม่สะอาด แบคทีเรียที่ทำให้เกิดภาวะนี้บ่อยๆ ได้แก่
และกลุ่ม Anaerobic bacteria หรือแบคทีเรียที่ไม่ต้องการอากาศ
การเกิดโรคเนื้อเน่า (Necrotizing fasciitis) สามารถเกิดได้จากแบคทีเรียชนิดเดียวหรือหลายชนิดร่วมกันได้ แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุและพบบ่อยคือ สเตร็ปโตค็อกคัส กลุ่มเอ (Group A streptococci) ซึ่งแบคทีเรียแต่ละชนิดมีความรุนแรง สามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
เนื่องจากอาการแสดงในระยะแรกของโรคแบคทีเรียกินเนื้อนั้นมักไม่มีความเฉพาะเจาะจง ทําให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยหรือการรักษาล่าช้า ซึ่งอาการที่จำเพาะเจาะจงของโรคแบคทีเรียกินเนื้อ คือ ผิวหนังบริเวณติดเชื้อมีสีคล้ำ หรือเน่าตาย ผิวหนังพองเป็นตุ่มหรือถุงน้ำ คลำได้ฟองอากาศในเนื้อเยื่อ และชาบริเวณผิวหนังที่มีการติดเชื้อ ซึ่งมักพบอาการดังกล่าวได้ในระยะท้ายของโรค
ดังนั้น หากเกิดบาดแผลติดเชื้ออย่างรุนแรงและลุกลามอย่างรวดเร็ว รวมถึงมีไข้ ควรรีบเข้ารับการวินิจฉัยโดยแพทย์ทันที ซึ่งแพทย์จะนำชิ้นเนื้อหรือน้ำเหลือง หนองจากบาดแผลส่งเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรค รวมถึงการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ เพื่อประเมินความรุนแรงของโรคและให้การรักษาที่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว
แม้จะพบผู้ป่วยโรคเนื้อเน่าหรือ โรคแบคทีเรียกินเนื้อ มานานแล้ว แต่สำหรับประเทศไทยมักพบผู้ป่วยโรคแบคทีเรียกินเนื้อ หรือโรคเนื้อเน่า ในช่วงฤดูฝน ซึ่งมีแมลงชุกชุม โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562 มีรายงานข่าวพบผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ซึ่งในจังหวัดน่านมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยโรคแบคทีเรียกินเนื้อมากถึง 51 ราย และเสียชีวิต 5 ราย ทั้งนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี
แต่เมื่อผู้ติดเชื้อเป็นคนที่เป็นที่รู้จักรวมถึงโลกโซเชียลพร้อมใจกันเสนอข่าว ทำให้หลายๆ คนได้รู้จักกับโรคและระมัดระวังตัวมากขึ้น เนื่องจากเป็นโรคที่ติดเชื้อเพียงถูกแมลงหรือสัตว์เลี้ยงกัดหรือข่วนเพียงเล็กน้อย แต่อาการกลับรุนแรงจนถึงกับชีวิตหรือเกิดภาวะทุพพลภาพได้สูง หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที