การตรวจรักษาผู้สูงอายุที่เหมาะสม เริ่มตั้งแต่การซักประวัติแบบองค์รวมทั้งเรื่องโรคที่เป็น อาการที่ผิดปกติ ความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองและลักษณะการดูแลที่บ้าน การทำแบบประเมินภาวะความเสี่ยงทางสุขภาพที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ และการตรวจร่างกายที่ครอบคลุมทุกระบบ ดังนั้นการตรวจประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางอย่างละเอียดจึงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- ตรวจวัดสายตาและความดันตา เมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป จะมีการเปลี่ยนแปลงค่าสายตา และมักพบ โรคตาที่เกิดจากความเสื่อม เช่น ต้อกระจก ต้อหิน จึงควรรับการตรวจตาอย่างละเอียด และสม่ำเสมอซึ่งหากพบความผิดปกติก็จะสามารถรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
- ตรวจสุขภาพในช่องปาก เนื่องจากความเสื่อมของร่างกาย ซึ่งรวมถึงกระดูกและฟัน ต่อมน้ำลาย และเยื่อเมือกในช่องปาก ทำให้ เกิดโรคและปัญหาต่าง ๆ ในช่องปากได้ง่าย ได้แก่ ฟันผุและรากฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบ ฟันสึก น้ำลายแห้ง การสูญเสียฟัน และปัญหาจากการใส่ฟันปลอม มีแผลหรือรอยโรคมะเร็งในช่องปาก และปัญหาเรื่องเคี้ยว ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ผู้สูงอายุต้องมาพบทันตแพทย์
- การตรวจหู และการได้ยิน ในผู้สูงวัยมักพบว่ามีปัญหาการได้ยิน ซึ่งอาจมาจากความเสื่อมตามวัย หรืออาจมีโรคซ่อนอยู่ เช่น โรคของเส้นประสาทหู โรคหูชั้นกลางติดเชื้อหรืออักเสบเรื้อรัง หรือมีขี้หูอุดตันมากจนปิดกั้นการได้ยิน
- การตรวจความเสี่ยงหกล้ม ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเคลื่อนไหวลำบาก เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต พาร์คินสัน รวมไปถึงภาวะสมองเสื่อม การบาดเจ็บจากการหกล้มอาจทำให้ต้องนอนโรงพยาบาลนานกว่าการบาดเจ็บจากสาเหตุอื่น โดยเฉพาะถ้ามีกระดูกสะโพกหรือกระดูกสันหลังหัก อาจต้องนอนโรงพยาบาลนาน หรืออาจไม่สามารถกลับไปเคลื่อนไหวได้เหมือนแต่ก่อน
- การประเมินความจำและความสามารถสมอง เรามักจะคิดว่าอาการหลงลืมเป็นเรื่องปกติในผู้สูงวัย แต่ความจริงแล้ว การหลงลืม เป็นหนึ่งในอาการของโรคทางสมองหลายโรคที่เรารู้จักกันดีเช่น โรคโรคอัลไซเมอร์ แพทย์จะตรวจร่างกายเพื่อคัดกรองว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสมองเอง หรือจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น ขาดฮอร์โมนไทรอยด์ ภาวะขาดสารอาหารและวิตามินบางชนิด เพื่อให้การรักษาได้ถูกต้อง
- การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง
มะเร็งลำไส้ใหญ่ มีคำแนะนำให้ประชากรที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปทุกรายเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยไม่ต้องรอให้มีอาการ และในกรณีที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ชนิดที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม จะทำให้มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป แนะนำให้นำอายุของญาติสายตรงที่เป็นมะเร็งลบด้วย 10 จะเป็นอายุที่คุณควรเข้ารับการส่องกล้อง เช่น หากคุณพ่อเป็นมะเร็งตอนอายุ 40 ปี ลบออกด้วย 10 จะเหลือ 30 ดังนั้น ลูกควรเข้ารับการส่องกล้องเมื่อมีอายุ 30 ปี โดยไม่ต้องรอให้มีอาการ ซึ่งปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยให้การตรวจนั้นง่ายและแม่นยำมากยิ่งขึ้น สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้มากมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก สำหรับผู้หญิงควรจะตรวจมะเร็งเต้านมด้วยการคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ และตรวจแมมโมแกรมหรืออุลตร้าซาวด์เต้านมเป็นประจำทุก 1 ถึง 2 ปี ส่วนมะเร็งปากมดลูกควรตรวจควบคู่กับการตรวจภายในอย่างน้อยปีละครั้งมะเร็งต่อมลูกหมาก ผู้ชายตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไปจะเริ่มมีต่อมลูกหมากโตตามอายุ เบื้องต้นแนะนำให้สังเกตุอาการก่อน หากมีอาการปัสสาวะลำบาก ต้องเบ่งนาน ปัสสาวะไม่พุ่ง ปัสสาวะไม่สุดต้องกลับไปปัสสาวะซ้ำบ่อย หรือปัสสาวะมีเลือดปน ควรมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบปัสสาวะเพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
นอกเหนือไปจากการตรวจสุขภาพที่ทำให้เรารู้ทันสภาพร่างกายของเรา และช่วยให้ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่างๆ การสังเกตความผิดปกติของร่างกาย เช่น ปวดหัว หน้ามืด มึนงง เวียนศีรษะ อาการเหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก บวม หรือแม้แต่ลักษณะของอุจจาระและน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงไป อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของร่างกายเกิดขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เพราะหลายครั้งที่การเพิกเฉยกับอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้โรคที่เป็นดำเนินไปถึงขั้นที่รุนแรงและยากกับการรักษา
นอกจากสุขภาพกายแล้ว สุขภาพใจยังเป็นอีกด้านหนึ่งที่ไม่ควรละเลย การพักผ่อนที่เพียงพอ การทำจิตใจให้สงบ ลดภาวะความเครียดจะช่วยให้ท่านสามารถ มีความสุขได้ทั้งกายและใจ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี