โรคหลายชนิด ความผิดปกติบางอย่าง สามารถแฝงตัวมากับเราตั้งแต่เกิด ฝังตัวในดีเอ็นเอ (DNA) ในรูปของรหัสพันธุกรรมที่ผิดปกติ โดยที่ไม่เคยบอกเราให้ทราบมาก่อน
- เด็กหลายชีวิตที่เกิดมาพร้อมโรคทางพันธุกรรมผิดปกติ โดยไม่สามารถป้องกันได้ตั้งแต่ตอนเริ่มวางแผนครอบครัว ผลที่ตามมาคือ ครอบครัวต้องหาค่าใช้จ่ายในการรักษาที่มากมายเพื่อที่จะยื้อชีวิตลูกไว้ให้ได้นานที่สุด
- หลายครอบครัวพบว่า ทายาทรุ่นลูกและหลานป่วยเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 ปี สืบย้อนกลับไปพบว่ามีคนในรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย หรือคนในบ้านหลายคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง การตรวจยีนมะเร็งจึงได้รับความนิยมมากขึ้น
- ยีน HLA-B 1502 เป็นยีนที่มักพบในคนจีน คนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนอินเดีย ผู้ที่มียีนชนิดนี้อาจมีความเสี่ยงการแพ้ยารุนแรงจนอาจเสี่ยงเสียชีวิต หากรับประทานยาในกลุ่ม ยากันชัก ยารักษาอาการป่วยทางจิต หรือยารักษาโรคเกาต์
- การใช้ยาชนิดเดียวกัน ขนาดที่เท่ากัน ในแต่ละบุคคล กลับส่งผลต่อการรักษาที่แตกต่างกัน แม้กระทั่งการใช้ยารักษาโรคมะเร็งชนิดพุ่งเป้า (Targeted Therapy) มักจะได้ผลในผู้ที่มียีนมะเร็งกลายพันธุ์ที่ตรงกับกลไกของยาที่รักษาเท่านั้น
ยีน หรือ รหัสพันธุกรรม จึงมีอิทธิพลมากกว่าสิ่งใดในการกำหนดสุขภาพหรือแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและเจาะจงสำหรับคนในยุคปัจจุบัน
ศูนย์สุขภาพดีส่วนบุคคลสมิติเวช (Samitivej Genomic and Life Style Wellness Center) พร้อมให้คำปรึกษาและการตรวจที่ทันสมัย ตามแนวทาง Precision Medicine หรือการแพทย์เฉพาะเจาะจง ด้วยบริการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมขั้นสูง Next Generation Sequencing (NGS) โดยพัฒนาวิธีการค้นหารหัสพันธุกรรมที่เรียงตัวผิดปกติ ด้วยความแม่นยำ และใช้เวลาในการทราบผลภายใน 1-2 เดือน พร้อมการแปลผลจากแพทย์ผู้ชำนาญการด้านพันธุกรรมและจีโนมิกส์
มากไปกว่านี้ ศูนย์สุขภาพดีส่วนบุคคลสมิติเวช ยังเป็นศูนย์ฯ รับส่งต่อผู้ป่วยและผู้รับบริการจากทั้งภาครัฐบาลและเอกชนทั่วประเทศ รวมถึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อมีผู้ประสงค์เข้ารับบริการ หรือแพทย์สาขาอื่นต้องการส่งต่อมาตรวจทางด้านพันธุศาสตร์ สามารถติดต่อ ได้ที่ Life Center ชั้น 3 อาคาร 2 รพ.สมิติเวชสุขุมวิท ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-022-2750 หรืออีเมล์ svhlife@samitivej.co.th
การบริการด้านพันธุศาสตร์การแพทย์ (Clinical Genetics Service)
การบริการด้านพันธุศาสตร์การแพทย์ ภายใต้ศูนย์พันธุศาสตร์สมิติเวช (Genomic Center) จัดตั้งขึ้นมาเพื่อการให้บริการด้านการแพทย์และการนำเทคโนโลยีทางด้านพันธุศาสตร์มาร่วมในการตรวจวินิจฉัย รักษา และป้องกันโรคอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากลและถูกหลักจริยธรรม
ผู้ที่เหมาะสมในการเข้ารับบริการทางพันธุศาสตร์หรือการตรวจยีน มีดังนี้
1. ผู้ป่วยที่ประสบปัญหาโรคที่เกิดจากความผิดปกติของยีน และโครโมโซมในทุกวัย
ตั้งแต่ระดับเล็กสุดคือความผิดปกติทางพันธุกรรมในตัวอ่อนมนุษย์ จนถึงทารกในครรภ์ เด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ตัวอย่างของโรคที่มารับการตรวจ ได้แก่
- กลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม
- ความผิดปกติของโครโมโซม ที่ทำให้เกิดความบกพร่องของสติปัญญาและพัฒนาการ
- ความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกในครรภ์
- โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย
- ภาวะพร่องเอนไซม์บนผิวเม็ดเลือดแดง
- กลุ่มอาการมาร์แฟนซินโดรม
- โรคท้าวแสนปม
- ทูเบอรัสสเคลอโรสิส
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- เซลล์ไขสันหลังเสื่อม
- เส้นประสาทเสื่อม
- ระบบประสาทถดถอยจากพันธุกรรม
- โรคถุงน้ำในไตจากพันธุกรรม
- ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวหรือบางผิดปกติ
- โรคไหลตาย และความผิดปกติของการนำไฟฟ้าในหัวใจที่เกิดจากยีนผิดปกติ เป็นต้น
2. ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ในกลุ่มต่อไปนี้ ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ และระบบทางเดินอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งไต และระบบทางเดินปัสสาวะ มะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดเมดัลลารี มะเร็ง ที่มีการเกิดโรคก่อนอายุ 50 ปี หรืออายุมากกว่า 50 ปี แต่มีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นมะเร็งมากกว่า 1 คนขึ้นไป หรือผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งตั้งแต่ 2 อวัยวะขึ้นไปในช่วงชีวิต
3. ผู้ป่วยที่เป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ และต้องสงสัยว่าอาจเกิดจากความผิดปกติของยีนหรือโครโมโซม
เช่น กลุ่มอาการออทิสติก เด็กที่มีพัฒนาการช้ามากกว่าเกณฑ์ปกติ ภาวะไขมันในเลือดสูงมากตั้งแต่อายุน้อย ภาวะไตวายเรื้อรังไม่ทราบสาเหตุ ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ ภาวะหูหนวก สายตาเลือนรางตั้งแต่อายุน้อย ภาวะอ้วนวิกฤต รูปร่างสูงหรือเตี้ยกว่าเกณฑ์ปกติ
4. ผู้ที่แข็งแรงดี แต่มีความเสี่ยงที่จะมีพันธุกรรมผิดปกติและอาจจะก่อโรคในอนาคต
เช่น มีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง หรือโรคหัวใจหลายคน มีบุตรคนแรกมีความพิการทางกายหรือสติปัญญาและต้องสงสัยว่าบิดามารดาอาจมีความผิดปกติทางพันธุกรรมแฝงอยู่ ต้องการตรวจยีนมะเร็ง
5. ประชาชนทั่วไป ที่ต้องการการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางพันธุศาสตร์ ในการคัดกรองความผิดปกติ
เช่น การตรวจยีนก่อนตั้งครรภ์ การวางแผนมีบุตรซึ่งในแต่ละเชื้อชาติจะมีรายละเอียดของการคัดกรองโรคที่ไม่เหมือนกัน หรือผู้ที่มีความซับซ้อนทางด้านการเผาผลาญพลังงานพร้อมกันหลายระบบ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง อ้วนมาก รวมไปถึงผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่รับประทานยาหลายตัวและต้องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเภสัชพันธุศาสตร์เพื่อประเมินความเสี่ยงในการแพ้ยาหรือรับประทานยาแล้วไม่ออกฤทธิ์
การให้บริการด้านพันธุศาสตร์การแพทย์หรือการตรวจยีน มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
การบริการด้านพันธุศาสตร์การแพทย์ เป็นความร่วมมือของแพทย์เฉพาะทางในหลายสาขา โดยมีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชพันธุศาสตร์และจีโนมิกส์เป็นผู้นำทีมในการดูแล ผู้ป่วยและผู้รับบริการจะได้รับการดูแลในด้านการวินิจฉัยจากอาการและอาการแสดง การตรวจพิเศษทางห้องปฏิบัติการและรังสีเทคนิค และจุดเด่นเพิ่มเติมคือการตรวจพิเศษทางด้านพันธุศาสตร์ที่มุ่งเป้าในการวินิจฉัยโรคนั้นๆ ได้อย่างจำเพาะ
นอกจากนี้หัวใจสำคัญของการบริการด้านพันธุศาสตร์คือ การให้คำปรึกษาแนะนำทางพันธุศาสตร์ (Genetic Counseling) ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดำเนินการให้ข้อมูลเรื่องโรคและแนวทางการดูแลรักษาอย่างละเอียด ซึ่งครอบคลุมไปถึงการคัดกรองโรคและดูแลสมาชิกทุกคนในครอบครัวที่เกี่ยวข้อง หลังจากมีการนัดหมาย พยาบาลหรือผู้ช่วยแพทย์จะทำการติดต่อผู้รับก่อนล่วงหน้าเพื่อซักประวัติเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้รับบริการได้มีโอกาสทบทวนประวัติครอบครัวย้อนขึ้นไป 3 รุ่น ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการวินิจฉัยโรค อาจมีการขอให้ผู้รับบริการเตรียมข้อมูลการตรวจก่อนหน้านี้จากรพ.อื่นมาด้วย เช่น จดหมายส่งตัว สำเนาเวชระเบียน ผลเลือด ผลเอกซเรย์ต่างๆ Genetic Testing
การเตรียมตัวก่อนมาตรวจยีน
ในวันนัดหมาย แนะนำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในครอบครัวมาด้วยเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อมาถึง ผู้รับบริการจะได้รับการซักประวัติโดยย่อจากผู้ช่วยแพทย์ (Genetic associated) และส่งเอกสารให้เตรียมข้อมูลอีกประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นผู้รับบริการจะใช้เวลาพบแพทย์ในครั้งแรก อย่างต่ำ 30 นาทีสำหรับปัญหาที่ซับซ้อนน้อย และ 45-60 นาทีสำหรับปัญหาที่ซับซ้อนมาก
เมื่อมีความจำเป็นต้องมีการตรวจพิเศษด้านยีนและโครโมโซมเกิดขึ้น แพทย์จะอธิบายให้ผู้รับบริการทราบโดยละเอียดถึงผลที่จะเกิดขึ้นหลังตรวจ รวมถึงประโยชน์ในการนำผลตรวจไปใช้ นอกจากนี้ถ้าต้องมีการตรวจเพิ่มเติมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ พยาบาลจะทำการประสานงานให้ผู้รับบริการและครอบครัวได้ทำการตรวจให้สะดวกที่สุด
การบริการทางด้านเทคโนโลยีทางพันธุศาสตร์การแพทย์
- บริการถอดรหัสพันธุกรรมทั่วจีโนมด้วยเทคโนโลยี whole exome และ whole genome sequencing
- บริการกำหนดการตรวจทางพันธุศาสตร์ให้จำเพาะกับโรค โดยใช้เทคโนโลยีที่มีในปัจจุบัน เช่น การถอดรหัสพันธุกรรมเฉพาะจุด การใช้เทคนิค Next-generation sequencing การตรวจโครโมโซมด้วยการย้อมสี การตรวจรอยโรคบนโครโมโซมทุกคู่ด้วย microarray รวมถึงเทคนิคเฉพาะโรค
- บริการวิเคราะห์และแปลผลการตรวจโรคธาลัสซีเมีย
- บริการการวินิจฉัยโรคพันธุกรรมในตัวอ่อนมนุษย์และทารกในครรภ์ โดยเป็นความร่วมมือกับแพทย์ที่ศูนย์สุขภาพสตรี
การบริการด้านพันธุศาสตร์ก่อนการตั้งครรภ์ และทารกแรกเกิด (Precision Medicine of Obstetrics)
การตรวจโรคทางพันธุกรรมก่อนการตั้งครรภ์ เป็นการตรวจความพร้อมของพ่อและแม่ เพื่อคัดกรองพาหะโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม วิเคราะห์หาพาหะของโรคพันธุกรรมของพ่อแม่ ที่มีโอกาสก่อให้เกิดความพิการและทุพพลภาพในอวัยวะต่างๆ ของบุตร และเป็นข้อมูลสำหรับวางแผนมีบุตร โดยโรคพันธุกรรมที่ซ่อนในพ่อและแม่ที่เป็นพาหะ ซึ่งพบได้บ่อยทั้งในคนไทยและต่างชาติ ปัจจุบันสามารถวินิจฉัยพาหะของโรคได้ถึง 600 โรค
โดย 5 โรคพันธุกรรมจากยีนร้ายที่ซ่อนในพ่อและแม่ที่เป็นพาหะ ซึ่งพบได้บ่อยทั้งในคนไทยและต่างชาติ ได้แก่
โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย (Thalassemia syndromes)
เกิดจากเม็ดเลือดแดงผิดปกติ เป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้เป็นอันดับ 1 ในคนไทย ซึ่งถ้าพ่อและแม่มียีนแฝงหรือเป็นพาหะทั้งคู่ โอกาสที่ลูกจะป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย จะมีถึง 25% แต่ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นโรคธาลัสซีเมียทั้งคู่ โอกาสที่ลูกจะเป็นโรคธาลัสซีเมีย คือ 100%
SMA (Spinal Muscular Atrophy) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่มีการถ่ายทอดแบบยีนด้อย พบได้ในทุกเชื้อชาติ เป็นโรคของเซลล์ประสาทไขสันหลังที่เรียกว่า Motor neuron เสื่อม ส่งผลให้เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อและการเสื่อมของกล้ามเนื้อ เป็นผลมาจากการที่เส้นประสาทจากกระดูกสันหลังไม่สามารส่งสัญญาณไปกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้ พบได้ตั้งแต่วัยทารกจนถึงวัยผู้ใหญ่
Cystic Fibrosis เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของยีน มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ทำให้สารคัดหลั่งของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายเหนียวข้นขึ้น
เช่น ปอด ตับ ตับอ่อน และลำไส้ ส่งผลให้เกิดอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ ระบบย่อยอาหาร และระบบสืบพันธุ์ ในปัจจุบัน โรคนี้ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การรักษาทำได้เพียงบรรเทาอาการ ปรับปรุงคุณภาพชีวิตผู้ป่วย และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน
Fragile X โรคที่ทำให้เกิดความบกพร่องในการพัฒนาของสมอง มีพัฒนาการทางสติปัญญาช้า
ซึ่งถ่ายทอดทางพันธุกรรมผ่านโครโซม X แบบลักษณะเด่น ผู้ป่วยมักเป็นเด็กผู้ชาย และมักมีความรุนแรงมากกว่าเด็กผู้หญิง บางรายมีอาการออทิสติก เช่น สมาธิสั้น ซน อยู่ไม่นิ่ง มีปัญหาในการใช้ภาษาในการสื่อสาร เป็นต้น
Hearing loss and Deafness หูหนวก หูตึง ภาวะการได้ยินเสียงลดลง อาจเป็นเพียงเล็กน้อยหรือไม่ได้ยินเลย (หูหนวกสนิท) ราว 40 เปอร์เซ็นต์ของการสูญเสียการได้ยินในเด็กอาจมีสาเหตุทางพันธุกรรม
ตรวจยีนก่อนตั้งครรภ์ ป้องกันโรคทางพันธุกรรม ที่สามารถถ่ายทอดไปยังลูกได้
ในกรณีที่เข้ารับการปรึกษาและตรวจพบว่ามีโรคทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอดไปยังลูกได้ คุณพ่อ คุณแม่ อย่าเพิ่งกังวล เพราะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ที่ช่วยในการวางแผนเพื่อเข้ากระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ที่นอกจากจะดูแลเรื่องของการคัดเลือกตัวอ่อนที่สมบูรณ์แล้ว ยังคำนึงถึงปัจจัยอื่นที่สำคัญเพื่อทำให้การใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ประสบความสำเร็จ คือ การตรวจความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยวิเคราะห์ความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกก่อนการฝังตัวซึ่งเรียกว่า Uterine Receptivity Test ร่วมกับการตรวจ ไม-โท-คอน-เดรีย แหล่งพลังงานของเซลล์ในตัวอ่อน ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ถึง 50%
หากคุณแม่ตั้งครรภ์ มีอายุ 35 ปี สามารถติดต่อสูตินรีเวชแพทย์ เพื่อตรวจเช็กได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 10 สัปดาห์ ปัจจุบันโอกาสแท้งในการเจาะน้ำคร่ำลดลงเหลือเพียง 0.2% เนื่องจากตรวจในอายุครรภ์น้อย และใช้อัลตร้าซาวด์นำทางตลอด การเจาะน้ำคร่ำได้ผลรวดเร็วและความแม่นยำสูงถึง 99.3% “รู้เร็ว รักษาเร็ว ตัดสินใจได้เร็ว” ทำให้ผลกระทบทางด้านจิตใจของคุณแม่น้อยลง
การป้องกันก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อก่อนเราเพียงดูว่าใครมีโอกาสเสี่ยงมากที่สุด แต่ตอนนี้แนะนำให้ทุกคนมาตรวจดูว่า ใครมีแนวโน้มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคพันธุกรรม คลอดก่อนกำหนด หรือครรภ์เป็นพิษ และให้การป้องกัน ซึ่งเราได้พัฒนาระบบการป้องกันนี้มานานกว่า 8 ปีและให้ผลดี ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
การเตรียมตัวก่อนตรวจยีนก่อนการตั้งครรภ์ การตรวจยีนก่อนการตั้งครรภ์
สามารถขอคำปรึกษาได้จากสูตินรีแพทย์ โดยเป็นการตรวจจากเลือด คุณแม่ไม่จำเป็นต้องงดน้ำงดอาหาร หลังจากส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว จะรอประมาณ 3 สัปดาห์ จึงจะทราบผล
จะเห็นได้ว่าการตรวจยีนก่อนการตั้งครรภ์ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญที่คุณแม่ทุกคน รวมถึงคู่สมรสทุกคู่ ไม่ควรมองข้าม เพราะโรคภัยมากมายอาจไม่ปรากฏให้เห็น แต่กลับแฝงตัวอยู่ในยีน เพื่อรอส่งต่อไปยังลูกน้อย การตรวจยีนก่อนตั้งครรภ์ไม่ได้เป็นแค่เพียงการเตรียมความพร้อมสำหรับคุณพ่อคุณแม่เท่านั้น แต่รวมถึงความแข็งแรงสมบูรณ์ของลูกน้อยที่จะเกิดมาด้วย
การบริการด้านพันธุศาสตร์ สำหรับ ทารกแรกเกิด (New Born Screening)
การตรวจคัดกรองทารกแรกเกิด หรือ Newborn screening (NBS) มีจุุดประสงค์หลัก 2 ประการ คือ
1. เพื่อตรวจหาทารกที่มีแนวโน้มเป็นโรคตั้้งแต่ก่อนมีอาการ โดยโรคนั้นมีผลต่อสุุขภาพอย่างรุุนแรงแต่สามารถรักษาได้ (Treatable diseases)
2. เพื่อลดความพิการถาวร ลดผลกระทบต่อปัญหาสุุขภาพ รวมถึงป้องกันการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
หากทารกได้ผ่านการคัดกรองและได้เข้าถึงการวินิจฉัยโรคและรักษาโรคที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นต่อได้อย่างรวดเร็วก่อนที่อาการจะชัดเจน ดังนั้น ทารกจำเป็นต้องได้รับการตรวจคัดกรองนี้เพื่อยืนยันแนวโน้มของโรคก่อนขั้นตอนการวินิจฉัยและรักษาโรคต่อไป ต้องมีแผนการรองรับหากพบว่าการตรวจคัดกรองทารก เกิดความผิดปกติขึ้น โดยพ่อแม่ต้องเข้าใจถึงความสำคัญของการคัดกรองและวิธีปฏิบัติดังกล่าว หากพบว่าผลคัดกรองทารกผิดปกติที่สำคัญ โรคต่างๆ นั้้น ต้องไม่ได้มีอาการทันทีตั้งแต่แรกเกิด และไม่สามารถวินิจฉัยได้เพียงจากอาการทางคลินิก เป็นโรคที่มีผลต่อสุุขภาพจนก่อให้เกิดปัญหาตามมาด้านร่างกาย สังคม ภูมิศาสตร์ และการวินิจิฉัยโรคและการรักษาได้ในประเทศนั้น ๆ ดังนั้น ในแต่ละประเทศมีการคัดกรองจากอุบัติการณ์ของจำนวนโรคและชนิดของโรคของทารกแรกเกิดแตกต่างกันไป
ตัวอย่างโรคหรือภาวะที่มีการคัดกรองทารกแรกเกิด ดังนี้
ภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมน
ภาวะนี้ทำให้มีผลกระทบต่อร่างกายและพัฒนาการของสมองของเด็ก หากไม่ได้รับการรักษาที่รวดเร็ว จะทำให้เกิดภาวะสติปัญญาบกพร่องตามมา ภาวะนี้พบได้ทุุกชนชาติ อุุบัติการณ์ประมาณ 1:2,000 - 1:4,000 การตรวจคัดกรองทำโดยการเจาะเลือด
กลุ่มโรคพันธุกรรมเมแทบอลิกที่เกิดจากสารโมเลกุลเล็ก หรือ Inborn Errors of Metabolism (IEM) : small molecules เป็นกลุ่มโรคที่มีความผิดปกติของสารชีวเคมีในเซลล์ มีมากกว่า 50 โรค เกิดอาการได้หลากหลาย เช่น ชัก ซึม พัฒนาการล่าช้า ตับม้ามโต น้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นต้น
หลายโรคมีความรุุนแรงที่ทำให้สมองพิการ และอาจถึงแก่ชีวิตตั้งแต่วัยทารกหรือเด็กเล็ก หากไม่ได้รับการรักษาก่อนมีอาการหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีหลังเริ่มแสดงอาการ อุบัติการณ์รวมของโรคพันธุกรรมเมแทบอลิกสารโมเลกุลเล็กประมาณ 1:3,200 ยกตัวอย่าง เช่น โรคฟีนิลคีโตนููเรีย (Phenylketonuria; PKU), โรคฉี่หอม (Maple syrup urine disease; MSUD), กลุ่มโรคกรดอินทรีย์คั่่ง (Organic acidemia), กลุ่มโรควงจรยููเรียผิดปกติ (Urea cycle defects; UCD), กลุ่มโรคกรดไขมันผิดปกติ (Fatty acid oxidation defects) เป็นต้น ตรวจคัดกรองโดยการเจาะเลือด เมื่ออายุุ 48-72 ชั่วโมง
การได้ยินบกพร่อง เพื่่อค้นหาการสููญเสียการได้ยินแบบถาวรทั้้ง 2 ข้าง
อุุบัติการณ์พบ 1-3 รายต่อทารก 1,000 ราย ในหลายประเทศมีการคัดกรองในทารกปกติทุกราย ในขณะที่บางประเทศคัดกรองเฉพาะในทารก กลุ่มเสี่ยงเท่านั้้น โดยเครื่องมือที่ใช้ในการคัดกรองการได้ยิน คือ Otoacoustic emission (OAE) และ/หรือ Auditory brain stem response (ABR)
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดรุุนแรงถึงชีวิต (Critical congenital heart disease) พบได้ 1 ใน 4 ของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดทั้งหมด
การคัดกรองทำโดยการวัดค่าความอิ่่มตัวของออกซิเจน (Oxygen saturation) โดยการใช้เครื่อง pulse oximeter วัดที่มือขวาและเท้าข้างใด ข้างหนึ่่ง ผลปกติเมื่อค่าความอิ่มตัวของออกซิเจน มากกว่าหรือเท่ากับ 95% และค่าที่วัดได้จากมือขวาและเท้าไม่ต่างกันเกิน 3%
รายงานอุุบัติการณ์รวมของโรคพันธุุกรรมเมแทบอลิกสารโมเลกุุลเล็กจากการทำ Expanded NBS ในประเทศ สหรัฐอเมริกาพบประมาณ 1 ต่อ 3,200 คน (1,237 คนในทารกแรกเกิด 4 ล้านคน) ดังนั้น หากประเทศไทยมีทารกแรกเกิด 600,000 คนต่อปี คาดการณ์ว่าอาจจะมีผู้ป่วยดังกล่าวรายใหม่ถึง 190 คนต่อปี อย่างไรก็ตาม อุุบัติการณ์ในแต่ละเชื้้อชาติมีความแตกต่างกัน
วิธีการตรวจยีนทารกแรกเกิด เพื่อตรวจโรคทางพันธุกรรม
คือการเก็บส่งตัวอย่างหยดเลือด โดยอายุที่่เหมาะสมในการเจาะเลือดเพื่อตรวจคัดกรองทารกแรกเกิด โดยเฉพาะโรคพันธุุกรรมเมแทบอลิกสารโมเลกุุลเล็กคือ ช่วงอายุุ 48-72 ชั่วโมงหลังเกิด โดยใช้เลือดเพียง 4-6 หยด หยดลงบนกระดาษกรองสำหรับการคัดกรองทารกโดยเฉพาะ และเมื่่อทางห้องปฏิบัติการตรวจพบผลคัดกรองที่ผิดปกติ จะมีการแจ้งกลับมาที่่แพทย์ผู้ดูแลในโรงพยาบาลที่่ทารกรายนั้นเกิด ภายใน 72 ชั่วโมง
และเมื่อทราบผลถือเป็นกรณีเร่งด่วนที่่แพทย์จะแจ้งผลให้พ่อแม่ของทารกรับทราบทันที และแนะนำให้รีบพาทารกกลับมาตรวจที่่โรงพยาบาลเพื่อเก็บเลือดส่งทางห้องปฏิบัติการสำหรับยืนยันการวินิจฉัยโรค หากเป็นโรคพันธุุกรรมเมแทบอลิกสารโมเลกุุลเล็ก จะทำการติดต่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชพันธุุศาสตร์เพื่อขอคำแนะนำ ในการจัดการ ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันการวินิจฉัยโรคและการดููแลรักษา
ทารกทุกคนจะได้รับการตรวจคัดกรอง เพื่อดูโรคทางพันธุกรรมเมตาบอลิก โดยส่งเลือดและปัสสาวะตรวจพิเศษ เพื่อการวิเคราะห์ Plasma Amino Acid หรือ Urine Organic Acid หากพบความผิดปกติ แพทย์จะช่วยดูแล หรืออาจแนะนำให้พ่อแม่สังเกตอาการต่อที่บ้าน หากพบความผิดปกติให้พาเด็กมารักษาที่โรงพยาบาล เช่น ชัก เกิดอาการตัวเหลือง ไข้สูง ไม่ยอมกินนม อาเจียน ร้องไห้งอแงไม่มีสาเหตุ พัฒนาการถดถอยหรือล่าช้า เป็นต้น
การบริการด้านพันธุศาสตร์การแพทย์รักษามะเร็งแบบพุ่งเป้า (Precision for Cancer Treatment)
มนุษย์กับมะเร็งนั้นเป็นของคู่กัน เพราะมนุษย์เราทุกคนมีเซลล์มะเร็งเป็นเพื่อนมาแต่กำเนิด อยู่ที่ว่าเซลล์มะเร็งนั้นจะแผลงฤทธิ์ตอนไหน แล้วร่างกายเราจะสามารถต่อสู้กับมะเร็งได้หรือไม่
“มะเร็ง” เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย ที่มีความเปลี่ยนแปลงของยีนและสารพันธุกรรม เซลล์มะเร็งสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ วัน ถ้าเซลล์มีการเปลี่ยนแปลงน้อยๆ ร่างกายสามารถตรวจจับได้ เม็ดเลือดขาวก็จะทำหน้าที่เป็นหน่วยคุ้มกัน เข้าไปกำจัดเซลล์มะเร็งเหล่านั้นออกจากร่างกายไปให้หมด คนคนนั้นจึงไม่เป็นมะเร็ง แต่สำหรับบางคนเซลล์มีความผิดปกติมาก พัฒนาเติบโตแข็งแรง จนเม็ดเลือดขาวไม่สามารถรับมือหรือกำจัดออกไปจากร่างกายได้ เซลล์มะเร็งจึงอยู่ในร่างกายเราและเจริญเติบโต แบ่งเซลล์อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นก้อนเนื้อร้าย หรือมะเร็งนั่นเอง
- Germline Mutation การกลายพันธุ์ของยีนที่ถูกถ่ายทอดมาจากพันธุกรรมโดยตรงจากรุ่นพ่อแม่ สู่รุ่นลูกหลาน
- Somatic Mutation การกลายพันธุ์ของยีนที่มีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆ ในช่วงชีวิตของแต่ละคน ไม่สามารถถ่ายทอดจากพ่อ แม่ไปสู่ลูกได้ โดยปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์นี้ เช่น
- การสูบบุหรี่
- การสัมผัสแสงอัลตราไวโอเลต (UV)
- การติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบ เชื้อ HPV
- ความแก่ชรา
การตรวจยีนมะเร็ง หรือการตรวจทางพันธุกรรมเพื่อคัดกรองโรคมะเร็งคืออะไร
- การตรวจทางพันธุกรรมโดยการตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีนที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง
- ด้วยเทคโนโลยี Next Generation Sequencing (NGS) ทำให้ผลที่ได้จากการตรวจถูกต้อง แม่นยำและปลอดภัย
โดยสามารถตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีนที่เกี่ยวข้องกับการเป็นมะเร็งมากกว่า 20 ชนิดที่มีรายงานมาตรฐานอยู่ในฐานข้อมูลระดับนานาชาติของ COSMIC เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งตับ เป็นต้น
การตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน ตรวจยีนมะเร็ง มีประโยชน์อย่างไร
- ทราบและเข้าใจถึงความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ในอนาคต
- วางแผนทางด้านการดูแลสุขภาพได้อย่างถูกต้องและตรงจุดที่มีความเสี่ยง
- ช่วยวางแผนสุขภาพคนในครอบครัวเพื่อลดหรือจัดการกับความเสี่ยงนั้นๆ
- ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
วิธีการตรวจยีนมะเร็ง
- เก็บเลือดจำนวน 6-10 ml.ในหลอดบรรจุสารป้องกันเลือดแข็งตัว
- ตรวจวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยี NGS
วิเคราะห์และจัดทำรายงานด้วยผู้เชี่ยวชาญทางด้านพันธุศาสตร์ โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 4 สัปดาห์
Targeted Therapy ยารักษามะเร็งแบบพุ่งเป้า
Targeted Therapy คือ การใช้ยารักษามะเร็งอย่างตรงจุด ที่มีเป้าหมายเพื่อรักษามะเร็งตรงจุด ที่ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง การแบ่งและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง มีการใช้ยา Targeted Therapy มากขึ้นในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา
ในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon cancer) ยกตัวอย่าง Bevacizumab ยาตัวแรกที่ยังมีบทบาทอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้าที่จะมีการใช้ยา Targeted Therapy คือ คนไข้จะได้รับยาเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียวหรือปฏิเสธการรักษา เมื่อไม่ต้องการรับการรักษา ยาTargeted มีหลายบทบาททั้งในระยะแพร่กระจายและไม่แพร่กระจาย
ในปัจจุบัน Targeted Therapy สามารถใช้รักษาในผู้ป่วยโรคมะเร็ง ได้หลายชนิด อาทิ
- มะเร็งลำไส้ใหญ่
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งปอด
- และอื่นๆ
วิธีการรักษาด้วย Targeted Therapy ในมะเร็งลำไส้ใหญ่
มีทั้งรูปแบบให้ทางหลอดเลือด และชนิดรับประทาน ยาชนิดรับประทาน เช่น Regorafenib มีการใช้ในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองด้วยยาชนิดอื่น ยา Targeted ที่ให้ทางหลอดเลือด ปัจจุบันมีหลายชนิด เช่น Bevacizumab, Cetuximab, Aflibercept ให้ร่วมกับ ยาเคมีบำบัด เพื่อการตอบสนองเพิ่มขึ้นจากเดิม 50 % ของการรักษา ในกรณีที่มีการแพร่กระจายไปที่ตับ การให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับยา Targeted ทำให้เพิ่มโอกาสในการผ่าตัดได้ถึง 50 % ซึ่งส่งผลเพิ่มอัตราการมีชีวิตอยู่ 5 ปี ของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ได้
การบริการด้านการออกแบบโปรแกรมสุขภาพอนาคต แบบเฉพาะบุคคล (Personalize Wellness)
เพราะร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน คุณจึงต้องรู้จักร่างกายของคุณให้ดีที่สุด เพื่อการสร้างสุขภาพดี ให้เหมาะสมกับร่างกายของคุณที่สุด การตรวจ Circle Premium DNA คือสุขภาพของคุณในอนาคต ที่อยู่ใน DNA ของคุณ การตรวจสุขภาพผ่าน DNA จึงเป็นสิ่งที่แม่นยำ และสามารถทำให้คุณวางแผนการดูแลสุขภาพในอนาคตได้อย่างดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้… รู้อะไรก็ไม่เท่ารู้จักร่างกายของคุณ ลดความเสี่ยง พร้อมดูแลให้ถูกทาง เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ให้ DNA Test เป็นอีกหนึ่งทางเลือก
Circle Premium DNA Test เน้นเรื่องสุขภาพโดยรวมของร่างกายอย่างละเอียด รายงานผลกว่า 500 เรื่อง ครอบคลุมทุกเรื่องสุขภาพ
- โปรแกรมการตรวจ Circle Premium DNA มาพร้อมกับการรายผลอย่างละเอียดกว่า 500+ รายการ ครอบคลุม 20 ประเภท ช่วยวางแผนทางโภชนาการ การออกกำลังกาย การเลือกอาหารเสริมให้กับคุณ และการใช้ชีวิตแบบเหมาะสมกับร่างกายของคุณที่สุด เพราะการตรวจนั้นละเอียด ครบ ครอบคลุมดังนี้
- Diet : ตรวจการตอบสนองต่ออาหาร ดูว่าอาหารชนิดใดกระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาหรืออาการต่าง ๆ รวมถึงกลุ่มอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- Nutrition: ตรวจสารอาหาร ดูความต้องการสารอาหาร ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- Sport & Fitness: ตรวจดูสมรรถนะ ความทนทาน ความแข็งแกร่ง ต่อการออกกำลังกายของร่างกาย
- Well-Being: ตรวจการดูแลสุขภาพองค์รวม
- Stress & Sleep: ตรวจความเครียดและการนอนหลับ ให้ข้อมูลเรื่องคุณภาพการนอน
- Skin: ตรวจสุขภาพผิว ช่วยเป็นแนวทางในการดูแลและบำรุงผิวพรรณ
- Ancestry: ตรวจวิเคราะห์เชื้อสายบรรพบุรุษ
- Physical Traits: ตรวจเพื่อบอกความน่าจะเป็นของรูปลักษณ์ เช่น สีผม สีตา หรือรูปร่าง เป็นต้น
- Gender Traits: ตรวจลักษณะที่เกี่ยวข้องกับเพศ บอกระดับฮอร์โมนเพศทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
- Behavioral Traits: ตรวจลักษณะทางพฤติกรรม เน้นบอกเรื่องการเสพติด
- Personality Traits: ตรวจเพื่อช่วยให้เห็นบุคลิกภาพจากพันธุกรรม
- Success Traits: ตรวจความสามารถเฉพาะบุคคล
- Music & Dance: ตรวจความสามารถด้านดนตรีและการเต้น ดูว่าอยู่ในระดับปกติหรือมีพรสวรรค์
- Pollution: ตรวจความไวต่อมลภาวะ ช่วยให้หลีกเลี่ยงหรือระมัดระวังการสัมผัสมลภาวะชนิดนั้น ๆ
Circle Vital DNA Test เน้นการวางแผนเรื่องโภชนาการ การกิน การออกกําลังกาย การดูแลร่างกายพื้นฐานทั่วไป รายงานผลถึง 125 เรื่อง โดยทั้งสองโปรแกรมออกแบบมา เพื่อให้คุณสามารถเลือกตรวจได้ตามความต้องการและความเหมาะสมกับร่างกาย
ประโยชน์ของการตรวจยีน ตรวจสุขภาพผ่าน DNA ดีอย่างไร
- การตรวจล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยมะเร็ง ที่ไม่ได้สืบต่อทางกรรมพันธุ์ได้ 50%
- ป้องกันโรคเรื้อรัง ที่มาจากความเสี่ยงทางกรรมพันธุ์ได้ 90%
- ตรวจยีนกลายพันธุ์ก่อนมีบุตร เพราะมีมากกว่า 80% ของเด็กที่ได้รับความเสี่ยงจากกรรมพันธุ์ โดยที่พ่อแม่ไม่รู้ตัว
- หลีกเลี่ยงผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์จากยาได้
ผลการตรวจ DNA Test ที่คุณจะได้รับ
- ค้นพบความเสี่ยงของสุขภาพและดูแลรักษาได้ทันท่วงที ตรวจหาความเสี่ยงโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมกว่า 81 ชนิด และ ความเสี่ยงมะเร็ง 36 ชนิด
- เลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับยีน เข้าใจว่าร่างกายเมื่อเจ็บป่วยควรใช้ยาชนิดไหน หรือหลีกเลียงยาชนิดใด (107 รายการยา ที่แนะนำให้ตรวจยีน ได้รับ US-FDA approved)
- วางแผนครอบครัว 157 โรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ใช้ในวางแผนก่อนการมีบุตร
- ลดน้ำหนัก และเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับคุณ ค้นพบว่าอาหารอะไรที่คุณควรรับประทาน อะไรที่ควรหลีกเลี่ยง
- แนะนำแนวทางการออกกำลังกาย จัดแผนการออกกำลังของคุณตามความจำเพาะของยีน
- เข้าใจความเครียด และ การนอนหลับ เพื่อวางแผนจัดการความเครียด ที่จะส่งผลต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาว
- ดูแลสุขภาพผิวที่จำเพาะกับคุณ DNA สามารถบอกว่าผิวของเรามีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างไร แนะนำการดูแลผิวที่จำเพาะกับ DNA
- รู้จักตัวคุณเองได้ดีกว่าเดิม ในบางมุมที่คุณไม่เคยรู้ เช่น บุคลิกภาพ รวมไปถึงความสามารถในด้านต่างๆ
สนใจตรวจสุขภาพผ่าน DNA คลิกดูแพ็กเกจและโปรโมชั่นที่นี่
เกี่ยวกับแพทย์ผู้นำทีมการบริการทางพันธุศาสตร์
แพทย์ที่เป็นผู้นำการบริการทางพันธุศาสตร์คลินิก ในศูนย์การแพทย์มุ่งเป้า ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์โอบจุฬ ตราชู , นพ.โอบจุฬสำเร็จการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และได้รับวุฒิบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์จากแพทยสภา และต่อด้วยปริญญาเอกดุษฎีบัณฑิตทางด้านชีวการแพทย์จากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ สหราชอาณาจักร
หลังจากนั้น นพ.โอบจุฬ ได้รับวุฒิบัตรแพทย์เฉพาะทางด้านเวชพันธุศาสตร์และจีโนมิกส์จากสภาแพทย์เฉพาะทางแห่งสหภาพยุโรป เพื่อรับรองความสามารถในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคทางพันธุกรรม และได้รับเกียรติจากสมาคมชีวการแพทย์แห่งสหราชอาณาจักรให้ได้รับ Fellowship of Institute of Biomedical Science ซึ่งเป็นสมาชิกลำดับสูงสุดของนักวิทยาศาสตร์ในสมาคมที่มีความสามารถในการตรวจวิเคราะห์ทางด้านห้องปฏิบัติการทางชีวการแพทย์
นพ.โอบจุฬมีผลงานวิจัยระดับนานาชาติมากมาย โดยมีความสนใจพิเศษด้านความผิดปกติของพัฒนาการระบบประสาท โรคหัวใจที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม การตรวจวินิจฉัยโรคพันธุกรรมชนิดหายาก และการวินิจฉัยพันธุกรรมในเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์
แบบประเมินความเสี่ยงโรคมะเร็งจากพันธุกรรม
วิดีโอ