แม้ว่า มะเร็งเต้านม จะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้หญิงไทยมากเป็นอันดับ 1 ก็ตาม แต่หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา ก็สามารถหายขาดจากโรคได้
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม มักไม่มีอาการเริ่มแรกแสดงให้เห็น อาจคลำพบเพียงก้อนเนื้อบริเวณเต้านม หรือใต้รักแร้ อาจกดเจ็บหรือไม่ก็ได้ ผู้หญิงหลายคนจึงมองข้ามคิดว่าเป็นเรื่องปกติ จนโรคมะเร็งร้ายลุกลามมากแล้ว จึงค่อยตัดสินใจพบแพทย์ ส่งผลให้การรักษาล่าช้าและอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
กลุ่มทั่วไป (ความเสี่ยงปานกลาง)
กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอื่นๆ ควรเริ่มตรวจ ผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้ ควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 25–30 ปี และอาจเสริมด้วย MRI
มีญาติสายตรง (แม่, พี่สาว, น้องสาว, บุตรสาว) เป็นมะเร็งเต้านมหรือรังไข่
ญาติสายตรงมีการกลายพันธุกรรม BRCA1 หรือ BRCA2 เป็นบวก
เคยได้รับรังสี (Radiation therapy) บริเวณทรวงอกช่วงอายุ 10–30 ปี เช่น รักษา lymphoma
เคยได้รับฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) เป็นเวลานาน เช่น ในผู้หญิงข้ามเพศ หรือ HRT หลังวัยหมดประจำเดือน
มีประวัติเคยเป็นมะเร็งเต้านมเองมาก่อน
เคยตรวจชิ้นเนื้อแล้วพบภาวะเสี่ยงสูง เช่น Atypical Ductal Hyperplasia (ADH) และ Lobular Carcinoma in Situ (LCIS)
สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านเป็นประจำ โดยก้อนเนื้อที่พบอาจจะกดเจ็บ หรือไม่เจ็บก็ได้ ผู้หญิงทุกคนควรตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือนหลังรอบเดือนหมด ประมาณ 1 สัปดาห์
แม้ปกติเต้านมทั้ง 2 ข้างอาจมีขนาดและรูปร่างที่ต่างกันบ้าง แต่การหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเต้านมข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างมีลักษณะผิดปกติไปจากเดิม จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้เท่าทันหากเกิดโรคร้ายตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
รวมถึงสีหรือผิวหนังบริเวณลานหัวนมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ละเอียด เนื่องจากอาจเป็นอาการของเซลล์มะเร็งที่ลุกลามมาถึงชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
โดยเฉพาะหากพบว่าน้ำเหลืองหรือของเหลวไหลนั้นมีสีคล้ายเลือด และออกจากหัวนมเพียงรูเดียว ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเต้านมโดยละเอียด
หากมีอาการเจ็บเต้านมโดยที่ไม่ใช่ช่วงมีประจำเดือน หรือพบว่าผิวหนังรอบๆ เต้านมบวมแดงอักเสบ โดยเฉพาะเมื่อคลำพบก้อนเนื้อร่วมด้วย อย่าละเลยว่าเป็นเรื่องธรรมดาเด็ดขาด
ผื่นคันอาจเกิดขึ้นที่หัวนมหรือบริเวณเต้าส่วนใหญ่ เริ่มต้นเป็นเพียงผื่นแดงแสบๆ คันๆ แม้จะรักษาโดยแพทย์ผิวหนังแล้วยังไม่หายขาดจนกลายเป็นแผลตกสะเก็ดแข็ง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านมอีกครั้ง เนื่องจากอาจเกิดจากเซลล์มะเร็งลามขึ้นมาที่ผิวหนังด้านบนบริเวณหัวนมหรือเต้านมแล้ว
ผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม โดยมีปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงมากมาย ทั้งอายุ พันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิต การป้องกันที่ดีคือหมั่นสำรวจความผิดปกติของร่างกายและเต้านมสม่ำเสมอ หากพบสัญญาณเตือนมะเร็งเต้านม ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
แมมโมแกรม คือการตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้น ช่วยลดการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม เป้าหมายคือการตรวจหามะเร็งก่อนที่จะสังเกตเห็นอาการ รวมถึงเป็นการตรวจเต้านมเพื่อวินิจฉัยอาการที่น่าสงสัย เช่น พบก้อนในเต้านม อาการเจ็บเต้านม หรือมีสิ่งผิดปกติบริเวณหัวนม
ความถี่ในการการตรวจคัดกรอง หรือการวินิจฉัยมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรม ขึ้นอยู่กับอายุและความเสี่ยงของแต่ละคน
ผู้หญิงส่วนใหญ่เริ่มทำแมมโมแกรมเมื่ออายุ 40 ปีและทำทุก 1-2 ปี สมาคมมะเร็งอเมริกัน (American Cancer Society) แนะนำให้ผู้หญิงที่มีความเสี่ยงอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยตรวจคัดกรองแมมโมแกรมทุกปีเมื่ออายุ 45 ปีจนถึงอายุ 54 ปีจากนั้นให้ทำต่อทุก 2 ปี สำหรับผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นมะเร็งเต้านมอาจเริ่มตรวจคัดกรองแมมโมแกรมก่อนอายุ 40 ปีรวมถึงปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยง
*โปรดระบุ