การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง (Endoscopic Spine Surgery) แผลเล็ก ฟื้นตัวไว

การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง (Endoscopic Spine Surgery) แผลเล็ก ฟื้นตัวไว

HIGHLIGHTS

  • การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องเอนโดสโคป (Endoscopic Spine Surgery) เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ใช้กล้องขนาดเล็ก เพื่อลดผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง ลดการตัดกระดูกสันหลังบางส่วนที่ดี หลีกเลี่ยงการใส่โลหะดามกระดูกสันหลัง ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ลุกเดินได้ระยะเวลา 4-6 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด
  • การผ่าตัดผ่านกล้อง เหมาะกับ ผู้ที่มีโรคหรือภาวะความเจ็บป่วย อาทิ หมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท มีอาการปวดหลังร้าวลงขา โรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ ชาหรืออ่อนแรงจากการกดทับของเส้นประสาท ปวดหลังเรื้อรังที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ดีขึ้น  เป็นต้น

การผ่าตัดกระดูกสันหลัง มีกี่วิธี

การผ่าตัดกระดูกสันหลังมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับโรคหรือความผิดปกติของกระดูกสันหลัง เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน กระดูกสันหลังเคลื่อน โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังเสื่อม กระดูกสันหลังหัก หรือภาวะกระดูกสันหลังคด เป็นต้น ซึ่งวิธีการผ่าตัดหลัก ๆ มีดังนี้

1. การผ่าตัดแบบเปิด (Open Spine Surgery) 

เป็นการผ่าตัดแบบดั้งเดิมที่เปิดแผลขนาดใหญ่   ศัลยแพทย์จะเลาะเนื้อเยื่อเพื่อเข้าถึงกระดูกสันหลัง   ใช้ในกรณีที่มีความผิดปกติรุนแรง มีความซับซ้อน จำเป็นต้องเห็นโครงสร้างภายในอย่างชัดเจน หรือต้องใส่อุปกรณ์ยึดตรึง

2. การผ่าตัดแบบแผลเล็ก (Minimally Invasive Spine Surgery - MISS) 

ใช้เครื่องมือพิเศษผ่านแผลขนาดเล็ก ทำให้เสียเลือดน้อย ฟื้นตัวเร็ว อาจจะใช้กล้องไมโครสโคปร่วมด้วย  ลดความเสียหายต่อกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบ ๆ  เหมาะกับผู้ป่วยที่มีหมอนรองกระดูกเคลื่อน กระดูกสันหลังเสื่อมหรือกระดูกสันหลังตีบ

3. การผ่าตัดส่องกล้อง (Endoscopic Spine Surgery) 

ใช้กล้องเอนโดสโคปขนาดเล็ก (8-10 มม.) และเครื่องมือทำการผ่าตัดผ่านกล้อง เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว รักษาตัวในโรงพยาบาล 1 คืน หรือรักษาแบบผู้ป่วยนอกในกรณีผ่าแบบไม่ดมยาสลบ แผลเป็นมีขนาดเล็กมาก (8-10 มม.)  สามารถรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทหรือภาวะกระดูกสันหลังตีบกดทับเส้นประสาท หรือแม้แต่การใส่โลหะตรึงกระดูกสันหลังผ่านผิวหนังได้โดยไม่ต้องผ่าตัดแบบเปิด

4. การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง (Spinal Fusion Surgery) 

ใช้ในกรณีที่ต้องการเชื่อมข้อกระดูกสันหลังเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดความมั่นคง เหมาะกับโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน หรือกระดูกสันหลังหัก มักใช้ร่วมกับอุปกรณ์ดามกระดูก เช่น แผ่นโลหะหรือสกรู และบางรายจำเป็นต้องใส่อุปกรณ์ระหว่างหมอนรองกระดูกสันหลังด้วย อาจจะผ่าตัดแบบเปิด ผ่าตัดแบบแผลเล็ก หรือผ่าตัดผ่านกล้องเอนโดสโคปก็ได้

5. การผ่าตัดใส่หมอนรองกระดูกเทียม (Artificial Disc Replacement) 

ใช้ทดแทนหมอนรองกระดูกที่เสื่อมหรือเสียหาย ช่วยให้ผู้ป่วยยังคงเคลื่อนไหวกระดูกสันหลังได้ตามปกติ

6. การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์และระบบนำทาง (Robot-Assisted and Image-Guided Surgery) 

เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัด ลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ป่วย

แต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน แพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมตามอาการและภาวะของผู้ป่วย

การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง (Endoscopic Spine Surgery) คืออะไร

การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องเอนโดสโคป (Endoscopic Spine Surgery) เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ใช้กล้องขนาดเล็ก (Endoscope) และเครื่องมือเฉพาะทาง ผ่านแผลขนาดเล็ก (ประมาณ 5-10 มม.) เพื่อลดผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง ลดความจำเป็นในการตัดกระดูกสันหลังบางส่วนที่ดี หลีกเลี่ยงการใส่โลหะดามกระดูกสันหลัง ลดการเสียเลือด ลดระยะเวลานอนในโรงพยาบาลและการเจ็บปวดหลังการผ่าตัด ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น สามารถลุกเดินได้ภายในระยะเวลา 4-6 ชั่วโมง หลังการผ่าตัด

ข้อดีของการผ่าตัดผ่านกล้อง (Endoscopic Spine Surgery)

  • แผลมีขนาดเล็ก เจ็บน้อย
  • ฟื้นตัวเร็ว ออกจากโรงพยาบาลได้ภายใน 1-2 วัน
  • ลดการเสียเลือดและ ลดความเสี่ยงจากการผ่าตัด
  • ลดการทำลายกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง

ผู้ที่เหมาะสมกับการผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง (Endoscopic Spine Surgery)

  1. ผู้ที่มีโรคหรือภาวะ ดังต่อไปนี้
    • หมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท (Herniated Disc) มีอาการปวดหลังร้าวลงขา (เช่น อาการปวดจากโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท)
    • โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (Spinal Stenosis)  เดินลำบาก ปวดขา ชาหรืออ่อนแรงจากการกดทับของเส้นประสาท
    • กระดูกสันหลังเสื่อม (Degenerative Disc Disease)  ปวดหลังเรื้อรังที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ดีขึ้น
    • โพรงเส้นประสาทแคบ (Foraminal Stenosis) เส้นประสาทถูกกดทับจากกระดูกงอกหรือหมอนรองกระดูกเสื่อม หรือหมอนรองกระดูกสันหลังแตกเคลื่อนเข้ามาในโพรงเส้นประสาท หรือกระดูกสันหลังคดทับเส้นประสาท (Lumbar Degenerative Scoliosis)
    • อาการปวดร้าวจากหลังลงขาเนื่องจากเส้นประสาทถูกกดทับ (Sciatica)
    • โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis) โดยการผ่าตัดขยายโพรงไขสันหลังผ่านทางกล้องเอนโดสโคป ร่วมกับการยึดกระดูกสันหลังโดยใช้โลหะดามกระดูกสันหลังผ่านผิวหนังโดยไม่ต้องผ่าตัดแบบเปิด
  2. ผู้ที่รักษาอาการปวดหลังด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ดีขึ้น
    • เคยใช้ยา ทำกายภาพบำบัด ฉีดยาลดการอักเสบ แต่อาการยังไม่ดีขึ้น
    • ปวดหลังเรื้อรังจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
  3. ผู้ที่ต้องการผ่าตัดกระดูกสันหลัง แล้วฟื้นตัวเร็วและลดผลข้างเคียงของการผ่าตัดแบบเปิด
    • ไม่ต้องการแผลขนาดใหญ่
    • ต้องการกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตปกติเร็วขึ้น
    • มีโรคร่วมที่ทำให้การผ่าตัดใหญ่มีความเสี่ยง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ
    • ผู้ป่วยที่ไม่ต้องการดมยาสลบ หรือ ต้องการหลีกเลี่ยงการดมยาสลบ

ผู้ที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง

  • ผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดใส่โลหะดามกระดูกสันหลังมาแล้ว และจำเป็นต้องใส่โลหะดามกระดูกสันหลังเพิ่ม

โดยรวม มากกว่า 90 เปอร์เซ็นของผู้ป่วย สามารถผ่าตัดโดยใช้กล้องเอนโดสโคปได้

การวินิจฉัยก่อนการผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง (Endoscopic Spine Surgery)

ก่อนเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง แพทย์จะต้องทำการวินิจฉัยอย่างละเอียด เพื่อประเมินว่า ผู้ป่วยเหมาะสมกับการผ่าตัดหรือไม่ และระบุตำแหน่งที่ต้องผ่าตัดอย่างแม่นยำ ซึ่งการตรวจที่จำเป็น ได้แก่

  1. การซักประวัติและตรวจร่างกาย 
    1. ประเมินอาการ เช่น ปวดหลัง ปวดหลังร้าวลงขา ชา หรืออ่อนแรง
    2. ตรวจระบบประสาท เช่น การรับความรู้สึก การเคลื่อนไหว และแรงของกล้ามเนื้อ
    3. ตรวจประเมินกระดูกสันหลังว่าสมดุลหรือผิดรูปหรือไม่
  2. การตรวจเอกซเรย์ (X-ray) เพื่อดูโครงสร้างของกระดูกสันหลังว่ามีความผิดปกติ เช่น กระดูกเสื่อม กระดูกหัก หรือแนวกระดูกผิดปกติหรือไม่
  3. การตรวจ MRI กระดูกสันหลัง  (Magnetic Resonance Imaging) เป็นการตรวจที่สำคัญที่สุดก่อนการผ่าตัด เพื่อดูรายละเอียดของหมอนรองกระดูก เส้นประสาท และเนื้อเยื่อรอบ ๆ ช่วยให้แพทย์เห็นตำแหน่งของหมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือบริเวณที่เส้นประสาทถูกกดทับ
  4. การตรวจ CT-Scan (ในบางกรณี) ใช้ดูรายละเอียดของกระดูก โดยเฉพาะในผู้ที่อาจมีกระดูกสันหลังเสื่อมหรือกระดูกงอก (OPLL, OYL) ที่กดทับเส้นประสาท หรือโรคคอกระดูกสันหลังขาด (Spondylolysis, Pars defect)
  5. การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG - Electromyography) (ถ้าจำเป็น) ตรวจการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ เพื่อยืนยันว่าปัญหาปวดหรืออ่อนแรงเกิดจากเส้นประสาทที่ถูกกดทับจริงหรือไม่
  6. การตรวจสุขภาพก่อนผ่าตัด (Preoperative Check-up) เช่น ตรวจเลือด ดูความสมบูรณ์ของเลือด ระดับน้ำตาล และการแข็งตัวของเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคหัวใจ ตรวจปอด (Chest X-ray) ในผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ

ขั้นตอนการผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง (Endoscopic Spine Surgery)

เทคนิคการผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง มี 2 แบบ คือ

  1. การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องเอนโดสโคปแบบ 1 แผล (Uniportal) และ 
  2. การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องเอนโดสโคปแบบ 2 แผล (UBE, Unilateral Biportal Endoscopy)

การผ่าตัดแบบแผลเดียว ทำให้เนื้อเยื่อบอบซ้ำน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่าและฟื้นตัวได้เร็วกว่าแบบ2 แผล แต่การผ่าตัดยากกว่า แพทย์ต้องใช้ระยะเวลาการฝึกฝนที่นานกว่าแบบ 2 แผล อีกทั้งการผ่าตัดแบบ 1 แผล จะใช้เครื่องมือที่ซับซ้อนและมีราคาแพงกว่าแบบ 2 แผลมาก

การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องเอนโดสโคปแบบ 1 แผล (Uniportal) ยังแบ่งเป็นอีกหลายเทคนิค เช่น Interlaminar Approach และเทคนิค Transforaminal Approach หรือ Extraforaminal Approach    

ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง (Endoscopic Spine Surgery)

การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง มีความปลอดภัยสูงและฟื้นตัวเร็ว แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อนซ้ำ เส้นประสาทบาดเจ็บ หรือภาวะเลือดออกผิดปกติ  ส่วนใหญ่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบไม่บ่อยและสามารถจัดการได้ หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง  การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หลังผ่าตัด เช่น หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และเข้ารับการตรวจติดตาม สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้

หากมีอาการผิดปกติหลังผ่าตัด เช่น ปวดรุนแรงขึ้น ชา อ่อนแรง หรือแผลบวมแดง ควรรีบพบแพทย์ทันที 

การปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัดส่องกล้องกระดูกสันหลัง

ระยะเวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง (Endoscopic Spine Surgery)

การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง เป็นการผ่าตัดที่มีการบอบซ้ำน้อย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วกว่า การผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgery) อย่างมาก

ระยะเวลาพักฟื้นและการกลับมาใช้ชีวิตปกติ

  • กี่วันเดินได้ ภายใน 4-6 ชั่วโมง หลังการผ่าตัด ผู้ป่วย สามารถลุกขึ้นเดินได้ ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือพยาบาล  ส่วนใหญ่สามารถเดินเองได้ตามปกติภายใน 1 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน  ควรเริ่มจาก เดินระยะสั้น ๆ และเพิ่มระยะทางตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
  • กี่วันกลับบ้านได้  โดยทั่วไปสามารถกลับบ้านได้ภายในวันที่ผ่าตัด (Day Surgery) หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน  โดยเฉพาะผู้ป่วยอายุน้อย หรือผ่าตัดด้วยยาชาเฉพาะที่ ในกรณีที่แพทย์ต้องการเฝ้าระวังอาการเพิ่มเติม อาจต้องนอนโรงพยาบาล 1-2 วัน
  • กี่วันทำงานหรือใช้ชีวิตปกติได้  งานเบา (ที่ไม่ต้องออกแรงมาก) สามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 1-2 สัปดาห์  งานที่ต้องใช้แรงมาก เช่น ยกของหนัก หรือยืนนาน ๆ ควรรออย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
  • กี่วันออกกำลังกายได้
    • 2-4 สัปดาห์แรก สามารถทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือขี่จักรยานเบา ๆ
    • 6-8 สัปดาห์  สามารถเริ่มออกกำลังกายที่ใช้แรงมากขึ้น เช่น โยคะหรือพิลาทิส
    • 3 เดือนขึ้นไป สามารถกลับมาออกกำลังกายหนัก เช่น ยกเวท หรือวิ่งระยะไกล

เคล็ดลับช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการก้ม บิดตัว หรือยกของหนัก อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
  • ใช้เข็มขัดพยุงหลัง (Back Brace) ตามคำแนะนำของแพทย์
  • กายภาพบำบัด เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลัง และลดโอกาสเกิดอาการปวดซ้ำ
  • นอนบนที่นอนแข็งปานกลาง เพื่อรองรับแนวกระดูกสันหลัง
  • รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

การเลือกสถานพยาบาลในการผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง (Endoscopic Spine Surgery)

  1. ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงในการผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องเอนโดสโคป ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัด 
  2. เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทันสมัย มีการใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย เช่น การผ่าตัดด้วยกล้องเอนโดสโคปแบบ 1 แผล ชุดถ่ายทอดภาพความคมชัดสูงระดับ 4K
  3. การฟื้นฟูหลังผ่าตัด มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา รวมถึงศัลยแพทย์ นักกายภาพบำบัด และผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกาย ให้บริการรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยวิธีการที่เหมาะสมและทันสมัย 
คะแนนบทความ