เบาหวานขึ้นตา หากไม่รีบรักษาอาจตาบอดได้

เบาหวานขึ้นตา หากไม่รีบรักษาอาจตาบอดได้

Highlight:

  • โรคเบาหวาน หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง อาจสูญเสียอวัยวะที่สำคัญ หรือตาบอด เนื่องจากภาวะเบาหวานขึ้นตา  
  • เบาหวานขึ้นตาเกิดจากการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน จนเกิดการอุดตันของหลอดเลือดเรตินา ส่งผลให้ผู้ป่วยเบาหวานตาบอดได้มากกว่าคนปกติถึง 25 เท่า     
  • เบาหวานขึ้นตา ระยะแรก อาจไม่แสดงอาการใดๆ ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวและมองข้ามความสำคัญของการตรวจตา จนอาจสายเกินไป   

สหพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation: IDF) รายงานจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วโลกในปี 2560 มีประมาณ 425 ล้านคน และคาดว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศไทย ช่วงอายุ 20-79 ปี มีมากถึง 8.3% ของประชาการ  และจำนวนมากกว่าครึ่งไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน    

โรคเบาหวาน  คือภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินลดลง   หรือการที่อวัยวะของร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน จนเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ส่งผลให้มีน้ำตาลสะสมในเลือดปริมาณมาก หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง อาจสูญเสียอวัยวะที่สำคัญ หรือตาบอด เนื่องจากภาวะเบาหวานขึ้นตา  

เบาหวานขึ้นตา (Diabetic retinopathy)

เบาหวานขึ้นตา (Diabetic retinopathy) คือ ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่ส่งผลต่อดวงตา สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 ยิ่งเป็นเบาหวานนานขึ้นและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้น้อยลง โอกาสที่จะเป็นเบาหวานขึ้นตาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น 

เบาหวานขึ้นตา มีกี่ระยะ

เบาหวานขึ้นตาแบ่งเป็น 2 ระยะ ตามความรุนแรงของโรค  

  • เบาหวานขึ้นตาระยะแรก หรือระยะหลอดเลือดใหม่ไม่เติบโต (Nonproliferative diabetic retinopathy: NPDR)  เป็นระยะที่ผนังหลอดเลือดในเรตินาอ่อนแอลง มีรอยนูนเล็กๆ ยื่นออกมาจากผนังของหลอดเลือดขนาดเล็ก บางครั้งของเหลวและเลือดจะไหลเข้าสู่เรตินา เส้นเลือดจอประสาทตาที่ใหญ่ขึ้นสามารถเริ่มขยายออกและมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่สม่ำเสมอได้เช่นกัน  สามารถพัฒนาจากอ่อนไปเป็นรุนแรงได้ เนื่องจากหลอดเลือดอุดตันมากขึ้น หากเกิดการสะสมของของเหลวในส่วนตรงกลาง (macula) ของเรตินา อาจทำให้การมองเห็นลดลง จำเป็นต้องรักษาเพื่อป้องกันการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร 
  • เบาหวานขึ้นตาขั้นสูง หรือระยะหลอดเลือดใหม่เจริญเติบโต (Proliferative Diabetic Retinopathy: PDR)  เบาหวานขึ้นตาที่พัฒนาสู่ภาวะที่รุนแรง  โดยเส้นเลือดที่เสียหายปิดตัวลงทำให้เกิดการเติบโตของเส้นเลือดใหม่ที่ผิดปกติในเรตินา หลอดเลือดใหม่เหล่านี้เปราะบางและสามารถรั่วไหลเข้าไปในวุ้นตา อาจทำให้จอตาลอก (Retinal Detachment)   หรือหากหลอดเลือดใหม่ขัดขวางการไหลของน้ำจากดวงตาตามปกติ ทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้น จนสามารถทำลายเส้นประสาทที่นำภาพจากดวงตาไปยังสมอง  ส่งผลให้เกิดโรคต้อหิน 

อาการเบาหวานขึ้นตา

 เบาหวานขึ้นตาระยะแรก อาจไม่แสดงอาการใดๆ  หรือไม่ส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวและมองข้ามความสำคัญของการตรวจตา จนเมื่อแสดงอาการ อาจสายเกินไป อย่างไรก็ตามผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แม้อยู่ในระยะรุนแรงแล้วก็ตาม ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานควรเข้ารับการตรวจตาตามแพทย์แนะนำ รวมถึงหมั่นสังเกตอาการ ดังนี้   

  • มองเห็นจุดหรือเส้นสีดำลอยอยู่ในสายตา 
  • มองเห็นภาพซ้อน หรือบิดเบี้ยว 
  • การมองเห็นแย่ลง   
  • แยกแยะสีได้ยากขึ้น 
  • เห็นภาพมืดหรือว่างเปล่าเป็นบางจุด 
  • สูญเสียการมองเห็น 

สาเหตุที่ทำให้เบาหวานขึ้นตา

เบาหวานขึ้นตาเกิดจากการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไป น้ำตาลในเลือดมากเกินไปอาจนำไปสู่การอุดตันของหลอดเลือดเล็กๆ ที่หล่อเลี้ยงเรตินา (Retina) ทำให้เลือดไปเลี้ยงไม่ได้ ส่งผลให้ดวงตาพยายามสร้างเส้นเลือดใหม่ แต่หลอดเลือดใหม่เหล่านี้ไม่พัฒนาอย่างถูกต้องและอาจรั่วไหลได้ง่าย ซึ่งทําให้ผู้ป่วยเบาหวานตาบอดได้มากกว่าคนปกติถึง 25 เท่า ทั้งนี้การเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์   หรือเป็นเบาหวานก่อนตั้งครรภ์ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเบาหวานขึ้นจอตาได้   

ปัจจัยเสี่ยง 

การตรวจวินิจฉัยเบาหวานขึ้นตา

ผู้ป่วยเบาหวานทุกคน ควรเพิ่มการตรวจตาและขยายม่านตาเพื่อตรวจจอตา แม้ไม่มีอาการ เกี่ยวกับการมองเห็นใดๆ  เพื่อคัดกรองเบาหวานขึ้นตาอย่างน้อยทุก 1-2 ปี หรือตามคำแนะนำของแพทย์  ขึ้นกับระยะของเบาหวานขึ้นตาและความรุนแรงของโรค

การป้องกันเบาหวานขึ้นตา

การตรวจตาเป็นประจำ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิต  รวมถึงการสังเกตภาวะการมองเห็นในระยะเริ่มต้น สามารถช่วยป้องกันการสูญเสียการมองเห็นอย่างรุนแรงได้ 

ทั้งนี้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถลดความเสี่ยงภาวะเบาหวานขึ้นตาได้ ดังนี้ 

  • ควบคุมโรคเบาหวาน โดยรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ลดแป้ง อาหารไขมันสูง อาหารแปรรูป และอาหารปรุงแต่งรส โดยเฉพาะ หวานจัด เค็มจัด 
  • พยายามออกกำลังกายแบบแอโรบิกระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์  
  • รับประทานยา หรือฉีดอินซูลินตามแพทย์แนะนำ 
  • พบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือด  
  • รักษาระดับความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับปกติ 
  • งดการสูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ของโรคเบาหวาน รวมถึงเบาหวานขึ้นตา 
  • ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงการมองเห็น โดยรีบพบแพทย์ทันที หากการมองเห็นเปลี่ยนไปหรือเห็นภาพพร่ามัว   

การรักษาเบาหวานขึ้นตา เบาหวานขึ้นตา รักษาหายไหม

วิธีรักษาเบาหวานขึ้นตาขึ้นกับระยะของโรค กรณีตรวจพบเบาหวานขึ้นตาระยะแรก  อาจยังไม่จำเป็นต้องรักษาในทันที การควบคุมเบาหวาน  ความดันโลหิตและไขมันในเลือด รวมถึงพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามอาการอย่างใกล้ชิด  ช่วยลดโอกาสภาวะของโรคที่รุนแรงและสูญเสียการมองเห็น  

สำหรับภาวะเบาหวานขึ้นตาขั้นสูง แพทย์จะพิจารณาการรักษา ดังนี้ 

  • รักษาด้วยเลเซอร์ เพื่อรักษาและควบคุมการรั่วซึมของหลอดเลือดที่ผิดปกติ  ซึ่งต้องทําในระยะที่เลือดยังไม่ออกมากจนบังจอประสาทตา  อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยเลเซอร์ไม่สามารถช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น เพียงแค่ช่วยชะลอหรือป้องกันไม่ให้สายตาแย่ลง  ดังนั้นหากแพทย์แนะนําให้รักษาด้วยเลเซอร์ควรรีบรักษาทันที 
  • การฉีดยาเข้าวุ้นตา เพื่อยับยั้งการเติบโตของหลอดเลือดใหม่  ทำให้การมองเห็นไม่แย่ลง บางกรณีอาจช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นได้  
  •  การผ่าตัดวุ้นตา (Vitrectomy) เพื่อเอาเลือดและพังผืดออกจากน้ำวุ้น ในผู้ป่วยที่เลือดออกในวุ้นตามาก หรือมีพังผืด ที่ทำให้จอตาหลุดลอกหรือฉีกขาด เพื่อป้องกันภาวะตาบอดถาวร 

เช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคเบาหวานมากมาย ที่ไม่ทราบว่าตัวเองป่วย ภาวะเบาหวานขึ้นตามักไม่แสดงอาการใดๆ ในช่วงแรก หรือมีปัญหาการมองเห็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากรอจนมีอาการมักสายเกินไป  ดังนั้นการตรวจตาตั้งแต่แรกเป็นเบาหวานจึงเป็นสิ่งสําคัญ 

โรคเบาหวานไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นเสมอไป การควบคุมเบาหวาน ดูแลสุขภาพ พบแพทย์ตามนัดและปฏิบัติตามแพทย์แนะนำ สามารถช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้เป็นอย่างดี 

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?