กล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis) ภัยที่นักวิ่งระยะไกลต้องระวัง

กล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis) ภัยที่นักวิ่งระยะไกลต้องระวัง

Highlight:

  • ภาวะกล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis) มักเกิดกับ นักวิ่งที่เพิ่มความเข้มข้นในการฝึกซ้อมอย่างกะทันหัน การออกกำลังกายหรือใช้แรงอย่างหักโหม เช่น วิ่งมาราธอน การแข่งกีฬาในระดับความหนักและนานกว่าที่เคยฝึกซ้อมมากๆ การขาดน้ำ 
  • นักกีฬาควรชั่งน้ำหนักตัวเองในวันถัดไปหลังจากวิ่งระยะไกล  หากน้ำหนักลดลงเกิน 2% ของน้ำหนักตัวทั้งหมด หรือสังเกตเห็นว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างมาก อาจบ่งบอกถึงความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ที่ตกค้างหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ 
  • ความรู้ การฝึกฝนและการดื่มน้ำที่เหมาะสม จะช่วยให้นักวิ่งเทรล นักวิ่งอัลตราและนักวิ่งระยะไกล สามารถหลีกเลี่ยงจากภาวะกล้ามเนื้อสลาย สิ่งสำคัญคือ ฟังร่างกายตัวเอง หากพบสัญญาณเตือนควรรีบพบแพทย์ทันที 

ปี ค.ศ.2009 ในงานวิ่งเทรลระยะทาง 100 ไมล์ (160 กม.)  Western States 100-Mile Endurance Run (WS100) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองสควอว์วัลเลย์ (Squaw Valley) รัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้เข้าร่วมแข่งขัน 5 คนจาก 400 คนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการคลื่นไส้ สับสน ระดับโซเดียมในเลือดต่ำ และภาวะกล้ามเนื้อสลาย รวมถึงสัญญาณแรกของภาวะไตวาย 

ในปีเดียวกัน นักกีฬา 4 คนที่เข้าร่วมแข่งขันรายการ  West Highland Way Race ระยะทาง 95 ไมล์ ในสกอตแลนด์ เข้าเส้นชัยด้วยระดับโซเดียมในเลือดต่ำและปัญหาไตที่เกิดจากภาวะกล้ามเนื้อสลาย  

ในเมืองไทยนั้น ก็มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นเช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้มีชาวต่างชาติที่เข้าร่วมวิ่งเทรลที่เกาะช้างแล้วเกิดอาการ Heat Stroke จนไตวาย กล้ามเนื้อสลาย อยู่ในภาวะโคม่า ต้องขอรับบริจาคเลือด 

นอกจากนี้การออกกำลังกายอื่นๆ ยังสามารถทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายได้เช่นกัน  โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบเข้มข้น ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม เช่น  P90X, CrossFit และ Insanity Workout   

ทำความรู้จักภาวะกล้ามเนื้อสลาย

รายงานว่า พบผู้ป่วยภาวะกล้ามเนื้อสลายในสหรัฐอเมริกา ประมาณปีละ 25,000 ราย โดยมีมากถึง 5-30% ที่พบภาวะไตวายเฉียบพลันและคิดเป็น 15% ของผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันทั้งหมด  

ภาวะกล้ามเนื้อสลายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนใหญ่พบในเพศชาย เชื้อชาติแอฟริกัน-อเมริกัน ผู้มีภาวะโรคอ้วน และอายุมากกว่า 60 ปี โดยพบอัตราการเสียชีวิตที่ไม่มีภาวะไตวาย ประมาณ 20% และเสียชีวิตมากถึง 50% สำหรับผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันจากภาวะกล้ามเนื้อสลาย ที่น่าสนใจคือ 10 - 30% ของภาวะกล้ามเนื้อสลายมีสาเหตุจากการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ที่เกิดจากการออกกำลังกาย 

กล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis) คืออะไร

กล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis) คือ ภาวะทางการแพทย์ที่ร้ายแรง ซึ่งการสลายของกล้ามเนื้อเกิดขึ้นจากการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อโดยตรง หรือจากการออกแรงของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะการวิ่งระยะไกลและการวิ่งลงเนิน นอกจากนี้ กล้ามเนื้อสลายยังเกิดจากอาการกดทับจากอุบัติเหตุ รวมถึงผลกระทบจากยาบางชนิดและพันธุกรรม 

ความร้อน ภาวะขาดน้ำและการออกกำลังกายหรือกีฬาแบบเอ็กซ์ตรีมเป็นสาเหตุร่วมที่พบบ่อยที่สุด เมื่อเกิดการบาดเจ็บ กล้ามเนื้อลาย (กล้ามเนื้อลาย (Skeletal muscle) เป็นกล้ามเนื้อที่พบเป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 40% ของมวลกาย มีหน้าที่สำคัญคือทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในกิจกรรมต่างๆ)  จะปล่อยโปรตีนไมโอโกลบิน (Myoglobin) ซึ่งมีขนาดใหญ่สีแดง ทำหน้าที่เก็บออกซิเจนในเซลล์กล้ามเนื้อ  

รวมถึงปล่อยเอนไซม์ซีเค (Creatine kinase: CK)  ซึ่งเซลล์ต่างๆ ใช้ช่วยในการทำงานและปล่อยเกลือแร่ เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม เมื่อโปรตีนไมโอโกลบิน เอนไซม์ซีเคและเกลือแร่ รั่วไหลออกจากเซลล์ที่เสียหายเข้าสู่กระแสเลือด นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนมากมาย เช่น  ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจหยุดเต้น และภาวะไตวาย 

สาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis)

สาเหตุของการเกิดภาวะกล้ามเนื้อสลาย สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ 

  1. สาเหตุทางกายภาพ  
    • นักวิ่งที่เพิ่มความเข้มข้นในการฝึกซ้อมอย่างกะทันหัน หลังจากช่วงเวลา ปรับสภาพร่างกาย เช่น การฟื้นตัวจากอาการป่วยหรือการพักการฝึก   
    • การออกกำลังกายหรือใช้แรงอย่างหักโหม เช่น วิ่งมาราธอน 
    • การแข่งกีฬาในระดับความหนักและนานกว่าที่เคยฝึกซ้อมมากๆ  
    • การฝึกซ้อมหรือการแข่งขันในขณะที่ขาดน้ำ ในวันที่อากาศร้อนจัด หรือภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ เป็นเวลานาน 
    • อุบัติเหตุรุนแรงต่อกล้ามเนื้อในลักษณะบด อัด กด ทับ (Crush injury) เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ ดินถล่ม  
    • การชักเกร็งอย่างต่อเนื่อง เช่น โรคลมชัก  
  2. สาเหตุที่ไม่ใช่ทางกายภาพ  
    • ผลกระทบจากการรับประทานยาสแตติน เพื่อลดคอเลสเตอรอล ยาแก้แพ้ ยาแก้คลื่นไส้ และยาทางจิตเวช รวมถึงยาแก้ปวดและยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDS)        
    • อาการป่วยจากไวรัสหรือการติดเชื้อแบคทีเรีย ปัญหาต่อมไร้ท่อ ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์    
    • ความผิดปกติทางพันธุกรรม  
    • ภาวะกล้ามเนื้อขาดเลือด เช่น ภาวะติดเตียงเป็นเวลานาน 
    • การดื่มแอลกอฮอล์ 
    • การผ่าตัด หรือได้รับยาสลบ   

สัญญาณเตือนภาวะกล้ามเนื้อสลาย ปวดกล้ามเนื้อหลังวิ่ง ต้องระวัง

อาการพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับภาวะกล้ามเนื้อสลาย  ได้แก่  ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง และปัสสาวะลดลง หรือปัสสาวะมีสีโค้ก  นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ ซึ่งอาจแสดงออกหลังออกกำลังกาย นานถึง 24 - 48 ชั่วโมง เช่น 

  • อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ 
  • ปวดข้อ 
  • สับสน 
  • อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น  
  • คลื่นไส้ อาเจียน  
  • ภาวะขาดน้ำ  
  • ปวดท้อง  
  • เอนไซม์ซีเค เพิ่มขึ้น 5-10 เท่าจากระดับปกติ (สามารถวัดได้โดยการตรวจเลือดเท่านั้น) 

การวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis)

แม้อาการปวดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง และปัสสาวะเป็นสีโค้ก เป็นลักษณะเฉพาะของภาวะกล้ามเนื้อสลาย แต่ผู้ป่วยมากกว่า 50% ไม่มีอาการเหล่านี้ อาการปวดกล้ามเนื้อเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด และพบได้ในผู้ใหญ่ประมาณ 50% ที่มีภาวะกล้ามเนื้อสลาย  

ขณะที่ปัสสาวะสีโค้กพบประมาณ 30- 40%  อาการอ่อนแรงมักเกี่ยวข้องกับกลุ่มกล้ามเนื้อใกล้เคียง อาจไม่มีอาการจำเพาะ เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ตึง กล้ามเนื้อบวม วิงเวียน ปวดท้อง คลื่นไส้ ใจสั่น มีไข้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดภาวะกล้ามเนื้อสลาย  

ผลเลือดของภาวะกล้ามเนื้อสลายคือ ระดับ CK ที่สูงขึ้น (ระดับ CK ปกติคือ 20 - 200 IU/L) ระดับที่สูงขึ้นอย่างน้อย 5 เท่า หรือเพิ่มสูงขึ้นเป็นหลักพันหรือหลักหมื่น ถือเป็นภาวะกล้ามเนื้อสลาย    

การสลายตัวของเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอิเล็กโทรไลต์ เช่น ระดับโพแทสเซียม ฟอสเฟต และแคลเซียม    

แพทย์อาจตรวจเพิ่มเติมในห้องปฏิบัติการ เช่น การนับเม็ดเลือด  ตรวจการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม ทดสอบการทำงานของตับ วิเคราะห์ปัสสาวะ ตรวจคลื่นหัวใจ (EKG) และเอกซเรย์ทรวงอก 

นอกจากนี้หากเป็นกล้ามเนื้อสลายจากพันธุกรรม สมาชิกในครอบครัวควรได้รับการตรวจคัดกรองด้วยเช่นกัน 

การรักษาภาวะกล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis)

ในผู้ป่วยภาวะกล้ามเนื้อสลายจากการบาดเจ็บ ควรเริ่มต้นด้วยการให้น้ำเกลือโดยเร็วที่สุด ความล่าช้าในการช่วยชีวิตอาจทำให้ช็อกจากการขาดน้ำ (Hypovolemic Shock) ควรให้ของเหลวในปริมาณมากถึง 10 - 20 ลิตรเพื่อรักษาน้ำภายในหลอดเลือดและช่วยขับสารพิษออกทางปัสสาวะ   

เมื่อผู้ป่วยรับการรักษาในโรงพยาบาล การตรวจติดตามปริมาณปัสสาวะอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการตรวจสอบระดับ CK แบบต่อเนื่องทุกวัน   

นอกจากนี้ภาวะกล้ามเนื้อสลายยังเกี่ยวข้องกับการทำงานของไต ภาวะขาดสมดุลของโพแทสเซียม แคลเซียม กรดยูริก และฟอสเฟต จึงจำเป็นต้องรักษาระดับเกลือแร่ให้สมดุล 

การดูแลแบบอื่นๆ

  • การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสม กรณีมีภาวะติดเชื้อร่วมด้วย   
  • การเปลี่ยนแปลงของอาหาร อาจช่วยให้ภาวะกล้ามเนื้อสลายทางพันธุกรรมดีขึ้น   
  • ผู้ป่วยภาวะกล้ามเนื้อสลาย ควรได้รับการศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงและวิธีลดความเสี่ยง  

การป้องกันภาวะกล้ามเนื้อสลาย สำหรับนักวิ่งระยะไกล

  • วางแผนการดื่มน้ำที่เหมาะสม โดยเฉพาะนักวิ่งเทรลควรทดสอบแผนการดื่มน้ำระหว่างการฝึก เพื่อค้นหากลยุทธ์เฉพาะบุคคลที่ดีที่สุด  
  • หลีกเลี่ยงการเพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังกาย หรือการฝึกอย่างกะทันหัน 
  • หลีกเลี่ยงการแข่งหรือฝึกซ้อมอย่างหนักในขณะที่มีอาการเจ็บป่วย   
  • 24 ชั่วโมง หลังการวิ่งเทรลหรือวิ่งระยะไกล เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดื่มน้ำ การรับประทานอาหาร รวมถึงการดื่มน้ำที่มีอิเล็กโทรไลต์ เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ผักและผลไม้สด ซึ่งช่วยในการทดแทนอิเล็กโทรไลต์ และยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยในการรักษาเนื้อเยื่อที่จำเป็นอื่นๆ 
  • พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ เกี่ยวกับความเสี่ยงภาวะกล้ามเนื้อสลาย ที่สัมพันธ์กับการฝึกและยาที่ใช้อยู่ 
  • นักกีฬาควรชั่งน้ำหนักตัวเองในวันถัดไปหลังจากวิ่งระยะไกล หากน้ำหนักลดลงเกิน 2% ของน้ำหนักตัวทั้งหมด หรือสังเกตเห็นว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างมาก ให้ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจบ่งบอกถึงความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ที่ตกค้างหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ 
  • นักกีฬาหลายคนชั่งน้ำหนักตัวเองก่อนและหลังการฝึกเพื่อประเมินการสูญเสียของเหลวทั้งหมดเทียบกับการเปลี่ยนระหว่างการฝึกซ้อม  เพื่อกำหนดปริมาณของน้ำที่ควรได้รับ    
  • ผู้เชี่ยวชาญบางคนสนับสนุนให้ใช้ความรู้สึกกระหายน้ำเป็นตัวกำหนดการดื่ม มากกว่าการดื่มตามปริมาณที่นักวิชาการแนะนำ   
  • และมีผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนที่แนะนำให้ใส่ใจกับปริมาณและสีของปัสสาวะ  
  • ด้วยความตระหนักรู้ การฝึกฝน และการดื่มน้ำที่เหมาะสม นักวิ่งเทรล นักวิ่งอัลตรา และนักวิ่งระยะไกล สามารถหลีกเลี่ยงผลร้ายแรงหรืออาจถึงแก่ชีวิตจากภาวะกล้ามเนื้อสลาย    
  • สิ่งสำคัญคือฟังร่างกายตัวเอง  หากพบสัญญาณเตือนภาวะกล้ามเนื้อสลายควรรีบพบแพทย์ทันที 
คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?