นิ้วเกิน นิ้วไม่ครบ นิ้วพิการ ภาวะความผิดปกติของนิ้วมือและนิ้วเท้าตั้งแต่กำเนิด

นิ้วเกิน นิ้วไม่ครบ นิ้วพิการ ภาวะความผิดปกติของนิ้วมือและนิ้วเท้าตั้งแต่กำเนิด

HIGHLIGHTS:

  • นิ้วเกิน นิ้วไม่ครบ นิ้วพิการในเด็กแรกเกิด เป็นภาวะความผิดปกติแต่กำเนิด อาจมีนิ้วมากเกินไป ขาดบางส่วน หรือรูปร่างผิดปกติ เช่น นิ้วติดกัน นิ้วโค้งงอ มักตรวจพบได้ตั้งแต่ในครรภ์ และมีหลายระดับความรุนแรง
  • สาเหตุส่วนใหญ่ไม่ทราบแน่ชัด แต่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมและความผิดปกติของยีน อาจเกิดร่วมกับกลุ่มอาการทางพันธุกรรม เช่น ดาวน์ซินโดรม หรือเกิดโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด 
  • การรักษา มีตั้งแต่ การทำกายภาพบำบัด การใช้อุปกรณ์ช่วย และการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของความผิดปกติรวมถึงอายุ เน้นให้สามารถใช้งานมือและเท้าได้ดีที่สุด เพื่อช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีและใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ

การที่ลูกน้อยถือกำเนิดมาพร้อมกับนิ้วมือหรือนิ้วเท้าที่มีลักษณะแตกต่างไปจากปกติ ไม่ว่าจะเป็นนิ้วที่มากเกินไป น้อยเกินไป หรือมีรูปร่างผิดปกติ ในบางกรณี สามารถตรวจพบได้จากการทำอัลตราซาวด์ในช่วงตั้งครรภ์ อาจสร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมาก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะเหล่านี้ให้มากขึ้น จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายข้อสงสัยและเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างถูกต้อง

ภาวะของความผิดปกติแต่กำเนิดของนิ้วมือและนิ้วเท้ามีอะไรบ้าง ?

  • นิ้วเกิน (Polydactyly) คือภาวะที่มีนิ้วมือหรือนิ้วเท้ามากกว่าปกติ อาจเป็นนิ้วเล็กๆ ที่ไม่มีกระดูก หรือเป็นนิ้วที่มีกระดูกและข้อต่อสมบูรณ์ก็ได้ ตำแหน่งที่พบบ่อยคือบริเวณนิ้วก้อย (Postaxial polydactyly) หรือนิ้วหัวแม่มือ (Preaxial polydactyly)
  • นิ้วไม่ครบ (Oligodactyly / Hypodactyly) คือภาวะที่มีนิ้วมือหรือนิ้วเท้าน้อยกว่าปกติ อาจเกิดจากการที่นิ้วไม่พัฒนาขึ้นมาเลย หรือบางส่วนของนิ้วขาดหายไป
  • นิ้วพิการ (Congenital Hand / Foot Deformities) เป็นคำที่ครอบคลุมความผิดปกติอื่นๆ ที่เกี่ยวกับรูปร่างและโครงสร้างของนิ้วและมือ/เท้า ที่นอกเหนือจากนิ้วเกินหรือนิ้วไม่ครบ เช่น: 
    • นิ้วติดกัน (Syndactyly) นิ้วมือหรือนิ้วเท้าติดกัน อาจเป็นแค่ผิวหนังที่ติดกัน หรือกระดูกติดกันก็ได้
    • นิ้วโค้งงอผิดปกติ (Clinodactyly) นิ้วมีลักษณะโค้งงอผิดไปจากแนวปกติ มักพบบ่อยที่นิ้วก้อย
    • นิ้วไม่เจริญเติบโตเต็มที่ (Hypoplastic Thumb/Finger) นิ้วหัวแม่มือหรือนิ้วอื่นๆ มีขนาดเล็กกว่าปกติ หรือพัฒนาไม่สมบูรณ์
       

สาเหตุของความผิดปกติแต่กำเนิดของนิ้วมือและนิ้วเท้า เกิดจากอะไร ?

สาเหตุส่วนใหญ่ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกันในช่วงที่ทารกกำลังก่อร่างสร้างอวัยวะในครรภ์มารดา ช่วงไตรมาสแรก เช่น:

  • พันธุกรรม: บางกรณีอาจมีประวัติคนในครอบครัวเป็นความผิดปกติแบบเดียวกัน ซึ่งบ่งชี้ถึงความเกี่ยวข้องทางพันธุกรรม
  • ความผิดปกติของยีนหรือโครโมโซม: เช่น ในกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม (Down Syndrome) อาจพบนิ้วก้อยโค้งงอผิดปกติ
  • ไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic): ในกรณีส่วนใหญ่ มักไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้

สิ่งสำคัญคือ ความผิดปกติเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของพ่อแม่ และส่วนใหญ่ไม่ได้บ่งชี้ถึงปัญหาด้านพัฒนาการด้านอื่นๆ ของเด็กเสมอไป
 

แนวทางการวินิจฉัยทำได้อย่างไรบ้าง?

การวินิจฉัยจะทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมักเป็นกุมารแพทย์ หรือศัลยแพทย์กระดูกและข้อเด็ก ซึ่งนอกจากการตรวจร่างกายอย่างละเอียด การซักประว้ติแล้ว และการเอกซเรย์ดูโครงสร้างของกระดูกเพื่อวางแผนการรักษา ในกรณีที่มีความผิดปกติที่ซับซ้อน หรือแพทย์สงสัยมีความผิดปกติของระบบอื่นๆ ร่วมด้วย อาจพิจารณาการตรวจเพิ่มเติม เช่น MRI, CT scan หรือการตรวจทางพันธุกรรม

การรักษาความผิดปกติแต่กำเนิดของนิ้วมือและนิ้วเท้ามีวิธีใดบ้าง ?

การรักษาคือการทำให้มือหรือเท้าสามารถใช้งานได้ดีที่สุด และมีรูปลักษณ์ที่ยอมรับได้ การรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของความผิดปกติ รวมถึงอายุของเด็ก

  • การผ่าตัด เป็นวิธีการรักษาหลักสำหรับความผิดปกติหลายชนิด 
    • นิ้วเกิน: มักเป็นการผ่าตัดเอานิ้วที่เกินออก โดยพยายามรักษานิ้วที่สมบูรณ์ที่สุดไว้
    • นิ้วติดกัน ผ่าตัดแยกนิ้วออกจากกัน โดยอาจมีการปลูกถ่ายผิวหนัง (skin graft) ร่วมด้วย
    • นิ้วไม่ครบ/นิ้วพิการอื่นๆ ผ่าตัดจะทำเพื่อสร้างนิ้วขึ้นมาใหม่ (ถ้าเป็นไปได้), ปรับรูปร่างนิ้วให้ใช้งานได้ดีขึ้น, หรือแก้ไขโครงสร้างกระดูกและข้อต่อให้เหมาะสมที่สุด
  • การทำกายภาพบำบัด (Physical Therapy) และกิจกรรมบำบัด (Occupational Therapy) มีบทบาทสำคัญทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด เพื่อช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหว ความแข็งแรง และความคล่องตัวของมือและนิ้ว ช่วยให้เด็กสามารถใช้งานมือและเท้าได้ดีขึ้นในชีวิตประจำวัน
  • การใช้อุปกรณ์ช่วย (Splints/Braces) บางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พยุงนิ้วหรือมือ เพื่อช่วยในการจัดตำแหน่ง หรือป้องกันการหดรั้งของข้อ
  • การสังเกตอาการ (Observation) ในกรณีที่ความผิดปกติไม่รุนแรง ไม่ส่งผลต่อการใช้งาน หรือมีโอกาสดีขึ้นเอง แพทย์อาจแนะนำให้สังเกตอาการไปก่อน

สิ่งสำคัญ: การผ่าตัดมักจะทำในช่วงวัยที่เหมาะสม โดยเริ่มทำได้ตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป ซึ่งศัลยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาจากชนิดของความผิดปกติ และพัฒนาการของเด็ก

การดูแลหลังการรักษาและการผ่าตัดควรทำอย่างไร?

การดูแลหลังการรักษาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการดูแลแผลผ่าตัด, การให้ยา, หรือการนัดหมายเพื่อติดตามผล
  • ทำกายภาพบำบัด/กิจกรรมบำบัดอย่างสม่ำเสมอ นี่คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ลูกสามารถฟื้นฟูการใช้งานมือและนิ้วได้อย่างเต็มศักยภาพ ผู้ปกครองควรสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ลูกทำตามโปรแกรมที่นักบำบัดแนะนำ
  • สังเกตอาการผิดปกติ เช่น แผลติดเชื้อ, บวมแดงร้อน, มีไข้, หรือมีอาการปวดรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  • ให้กำลังใจและสร้างความเข้าใจ พ่อแม่ควรให้ความรัก ความเข้าใจ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ลูกเรียนรู้ที่จะใช้มือและเท้าของตนเองได้อย่างมั่นใจ
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลใดๆ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการดูแลแผล การทำกายภาพบำบัด หรือพัฒนาการของลูก ควรปรึกษาแพทย์หรือนักบำบัดที่ดูแล

ภาวะความผิดปกติของนิ้วมือและนิ้วเท้าตั้งแต่กำเนิด มีหลายรูปแบบ ทั้งนิ้วขาด นิ้วเกิน หรือนิ้วมีรูปร่างผิดธรรมชาติ การทำความเข้าใจสาเหตุ และเข้าใจภาวะนี้อย่างถูกต้อง รวมถึงการดูแลรักษาที่เหมาะสม จะช่วยให้เด็กสามารถใช้งานมือและเท้าได้ดีที่สุด เพื่อให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล มีทีมกุมารศัลยแพทย์ ผ่าตัดรักษาผู้ป่วยเด็กและทารกครบวงจร

ทีมกุมารศัลยแพทย์ ที่โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล มีศักยภาพในการผ่าตัดแบบส่องกล้อง Minimally Invasive Surgery ซึ่งการผ่าตัดส่องกล้องแผลเล็กสำหรับเด็กและทารก (Newborn and Pediatric Minimally Invasive Surgery) จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กทำให้มีแผลเล็ก เพียง 2 มม. ลดการบาดเจ็บ และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น 
พร้อมห้องผ่าตัดแบบไฮบริด (Hybrid) ที่ใช้ Bi-plane Technology บนเครื่อง X-ray ถ่ายภาพได้หลายระนาบ ให้การรักษา และผ่าตัดเร่งด่วนทันที เพื่อเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถในการผ่าตัด รองรับผู้ป่วยที่เข้ามารับการผ่าตัดรักษาโรคซับซ้อน
และยังมีศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเด็ก ที่ให้บริการกายภาพฟื้นฟูหลังการรักษา แบบสหสาขาวิชาชีพ (Multidisciplinary Care Team) รวมถึงเทคโนโลยีในการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย อาทิ หุ่นยนต์กายภาพ Robot-assisted Gait Training, Hybrid Assistive Limb (HAL) และ Redcord NEURAC เป็นต้น

คะแนนบทความ