โรคหลอดเลือดสมองตีบ แตก ตัน ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งมีโอกาสรอด

โรคหลอดเลือดสมองตีบ แตก ตัน ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งมีโอกาสรอด

HIGHLIGHTS:

  • ประชากรมากถึง 1 ใน 6 คน จาก 15 ล้านคนทั่วโลกต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคหลอดเลือดสมอง และในแต่ละปีจะพบผู้ป่วยเสียชีวิตราว 5.8 ล้านคน โดยมีแนวโน้มผู้เสียชีวิตต่อปีเพิ่มขึ้น หากไม่มีการดำเนินการใด ๆ
  • ทุก ๆ 6 วินาที จะมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจากทั่วโลกเสียชีวิต ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ในผู้สูงวัยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และเป็นอันดับ 5 ในคนที่มีอายุระหว่าง 15 – 59 ปี
  • โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุสำคัญให้เสียชีวิตมากกว่าโรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรียรวมกัน
  • โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของความพิการในระยะยาว ซึ่งพบผู้ป่วยในประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางมากถึง 2 ใน 3 ของผู้ป่วยทั่วโลก

จากสถิติการเสียชีวิตด้วยโรคร้ายในประเทศไทย

พบว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็งและโรคหัวใจ เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดของโรคทางระบบประสาท ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิต หรือไม่ก็เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต แนวโน้มพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี

รู้จักโรคหลอดเลือดสมอง

โรคหลอดเลือดสมอง (stroke) เกิดจากภาวะหลอดเลือดตีบ อุดตัน หรือแตก ส่งผลให้สมองขาดเลือดและเนื้อเยื่อในสมองถูกทำลาย สามารถเกิดได้กับทุกส่วนของสมอง ดังนั้นหากสมองส่วนใดขาดเลือด จะส่งผลให้ร่างกายหยุดทำงาน เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิต โรคหลอดเลือดสมองแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  1. โรคหลอดเลือดสมองชนิดสมองขาดเลือด (Ischemic Stroke) มีสาเหตุมาจากหลอดเลือดสมองตีบ (Thrombotic Stroke) หรือจากการอุดตัน (Embolic Stroke) ส่งผลให้เกิดภาวะสมองขาดเลือด พบมากถึง 80% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด
  2. โรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกในสมอง (Hemorrhagic Stroke) เกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองปริแตกหรือฉีกขาด ทำให้มีเลือดไหลไปยังเนื้อเยื่อสมอง แม้จะพบเพียง 20% แต่ก็มีอันตรายถึงชีวิต

ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง

ปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง มีทั้งปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้และปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงได้ ดังนี้ 1.

1. ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้

  • อายุ ผู้มีอายุมากกว่า 65 ปี มีปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากภาวะเสื่อมของหลอดเลือดและภาวะหลอดเลือดแข็งตัว
  • เพศ เพศชาย มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าเพศหญิง
  • กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหากประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคในขณะที่มีอายุยังน้อย

2. ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงได้ เกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิต

  • ความดันโลหิตสูง
  • ไขมันในเลือดสูง
  • สูบบุหรี่
  • โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคอ้วน

อาการโรคหลอดเลือดสมอง

  • ภาวะอ่อนแรง ส่วนใหญ่มักพบภาวะอ่อนแรงครึ่งซีกกับร่างกายข้างใดข้างหนึ่ง
  • สูญเสียความรู้สึกหรืออาการชาตามร่างกาย มักเกิดกับร่างกายเพียงด้านเดียว
  • พูดติดขัด มีปัญหาการพูด
  • ไม่สามารถทรงตัวได้ มีอาการเดินเซ หรือเวียนศีรษะ
  • สูญเสียการมองเห็นบางส่วน หรือเห็นภาพซ้อน

โดยอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน บางกรณีอาจเกิดภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว โดยแสดงอาการเพียงครั้งคราวแล้วหายไปเอง หรืออาจเกิดบ่อยๆ ก่อนมีอาการสมองขาดเลือดแบบถาวร

FAST วิธีสังเกตอาการของโรคหลอดเลือดสมอง

อาการเตือนสำคัญที่สังเกตได้ด้วยตนเองตามหลักที่จำได้ง่ายคือ F A S T ดังนี้

F Face ใบหน้ามีอาการชาหรืออ่อนแรง ใบหน้ายิ้มแล้วมุมปากตก

A Arm แขนขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง ยกแขนไม่ขึ้น

S Speech พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว

T Time หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

สัญญาณเตือน FAST ถือเป็นสิ่งจำเป็นพึงจดจำ หากพบอาการหนึ่งอาการใดข้างต้น ซึ่งเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที เนื่องจากเซลล์สมองขาดเลือดเพียง 1 นาที ส่งผลให้เซลล์สมองตายมากถึง 2 ล้านเซลล์ ดังนั้นการเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงอัมพฤกษ์ อัมพาต รวมถึงการเสียชีวิตได้

ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว Treating a Transient Ischemic Attack (TIA)

หากอาการต่างๆ ที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองเกิดขึ้นและหายไปเพียงไม่กี่นาที อาจเกิดจากภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว (TIA) ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมองที่ร้ายแรงในภายหลังหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์

ดังนั้นไม่ควรเพิกเฉยหรือมองข้ามภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวเด็ดขาด แม้อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหรือหายไปเอง ควรต้องพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยทันที

การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง

การป้องกันโรคหลอดเลือดสมองที่ดีที่สุดคือการลดปัจจัยเสี่ยง โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ชีวิต ดังนี้

  • ควบคุมน้ำหนัก ไม่ปล่อยให้เป็นโรคอ้วน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคมากมาย รวมทั้งโรคหลอดเลือดสมอง
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ที่มีกากใยสูง หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง รวมถึงอาหารรสเค็มจัด สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเพิ่มปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองให้มากขึ้น
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมน้ำหนัก ช่วยให้ไขมันในเลือดและความดันโลหิตลดลงได้ โดยควรออกกำลังกายที่เหมาะสมสม่ำเสมออย่างน้อย สัปดาห์ละ 150 นาที
  • เลิกบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หากไม่สามารถเลิกได้ด้วยตนเองการพบแพทย์ก็เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ
  • ลดปริมาณแอลกอฮอล์ โดยผู้ชายไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 แก้ว และผู้หญิงไม่เกินวันละ 1 แก้ว
  • ควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง เช่น โรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน โดยการพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ และปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากพบความผิดปกติควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
  • ไม่ละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อค้นหาโรคที่อาจซ่อนเร้นในร่างกาย หากพบก่อนย่อมมีทางรักษาให้หายขาดหรือสามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้

การวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมอง

  • ซักประวัติและตรวจร่างกาย
  • ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT scan brain) เพื่อดูว่าภาวะสมองขาดเลือดหรือตรวจว่ามีเลือดออกในสมองหรือไม่
  • ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI brain) สามารถเห็นภาพสมองส่วนขาดเลือด ซึ่งสำคัญมากต่อการเลือกวิธีการรักษาต่อไป
  • ฉีดสารทึบรังสี (Cerebral angiography) เพื่อตรวจหลอดเลือดสมอง โดยการสอดใส่สายสวนหลอดเลือดแดงเข้าทางขาหนีบไปยังหลอดเลือดคอ จากนั้นฉีดสารทึบรังสี เพื่อดูการอุดตันของหลอดเลือดสมอง
  • ตรวจน้ำไขสันหลัง (Lumbar puncture) การเจาะน้ำไขสันหลังด้วยเข็มชนิดพิเศษ บริเวณกระดูกสันหลังช่วงเอว เพื่อวินิจฉัยภาวะเลือดออกในช่องเยื่อหุ้มสมอง
  • อัลตราซาวนด์หลอดเลือด (Ultrasonography) โดยการอัลตราซาวนด์หลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณคอและสมอง เพื่อดูความผิดปกติของหลอดเลือด

การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง

  • การรักษาด้วยยา ใช้รักษาโรคหลอดเลือดสมองชนิดสมองขาดเลือด เพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปเป็นโรคหลอดเลือดสมองอีก โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาละลายลิ่มเลือด เพื่อช่วยละลายลิ่มเลือดที่อุดตัน เลือดจะได้ไหลเวียนสะดวกขึ้น หากได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว อาจสามารถกลับมาเป็นปกติได้
  • การผ่าตัด เพื่อนำไขมันอุดตันในหลอดเลือดคอที่ไปเลี้ยงสมองออก (Carotid endarterectomy) เพื่อรักษาโรคหลอดเลือดสมองชนิดสมองขาดเลือด ซึ่งเกิดจากไขมันในเส้นเลือดที่ทำให้หลอดเลือดแดงบริเวณคอตีบแคบ จนไม่สามารถนำเลือดไปเลี้ยงสมอง

การป้องกันโรคหลอดเลือดสมองที่ดีที่สุดคือการลดปัจจัยเสี่ยงที่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง พบแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกายเป็นประจำทุกปี รวมถึงการหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย โดยเฉพาะสัญญาณเตือน FAST ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งมีโอกาสรอด

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?