โรครองช้ำ

โรครองช้ำ

HIGHLIGHTS:

  • การเดินมากๆ วิ่งมากเกินไป ใส่รองเท้าส้นสูงมากและนานเกินไป การออกกำลังกายบางชนิด อาจทำให้เป็นโรครองช้ำได้!!! 
  • โรครองช้ำ กับโรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท ทำให้เกิดการปวดบริเวณฝ่าเท้าได้เช่นกัน ต้องได้รับการวินิจฉัยเพื่อการรักษาได้ถูกต้อง 
  • การนวดแผนโบราณ ไม่ได้ช่วยรักษาโรครองช้ำ เพียงแค่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้บ้างเท่านั้น 

อาการปวดบริเวณฝ่าเท้า อาการที่ดูไม่ร้ายแรงจนทำให้หลายคนมองข้าม แพราะมองว่าแค่ซื้อยาแก้ปวดรับประทานก็คงหาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาจเป็นสัญญาณอันตรายทำให้เกิด “โรครองช้ำ” ที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมากเพราะทำให้การเดินมีความยากลำบาก เนื่องจากมีอาการอักเสบปวดบวมใต้ฝ่าเท้า เหมือนมีเข็มมาทิ่มตลอดเวลา ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้จนเรื้อรัง นอกจากจะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือปวดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้เส้นเอ็นฉีกขาด ต้องได้รับยารักษาที่แรงขึ้น หรือถึงขั้นต้องผ่าตัดได้     

สาเหตุของ “โรครองช้ำ”

โรครองช้ำ เกิดจากการรองรับการกระแทกของฝ่าเท้าและอุ้งเท้า ในขณะที่เรามีการยืน เดิน ซึ่งมีการลงน้ำหนักบนฝ่าเท้า ทำให้อุ้งเท้าของเราแบนราบกับพื้น และแรงที่กระทบลงมานั้น ทำให้เกิดแรงตึงตัวระหว่างส้นเท้ามากขึ้นจนเกิดเป็นพังผืดหรือได้รับความเสียหาย มีการอักเสบสะสมเรื่อย ๆ จนเกิดการฉีกขาดของเอ็นฝ่าเท้า  

รองช้ำ อาการเป็นอย่างไร

ซึ่งการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้านั้น

  • มักมีอาการปวดบวมบริเวณส้นเท้า ในแนวตามแถบของพังผืดใต้ฝ่าเท้า ตอนตื่นนอน
  • มีอาการเจ็บแปล๊บ ๆ เหมือนโดนอะไรมาแทงบริเวณส้นเท้า หรือ ปวดแบบโดนของร้อน ๆ สัมผัส และจะดีขึ้นหลังจากได้เดิน แต่ก็อาจจะกลับมาปวดอีกครั้งก่อนนอน อาการจะเป็น ๆ หาย ๆ  

สาเหตุหลักของโรครองช้ำ เกิดจากการใช้งานข้อเท้าหนักเกินไป

  • การเดินมากๆ วิ่งมากเกินไป
  • ใส่รองเท้าส้นสูงมากและนานเกินไป
  • รวมถึงในคนที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือมีกระดูกรูปเท้าผิดปกติ เช่น อุ้งเท้าแบน หรือโก่งมากเกินไป
  • การออกกำลังกายบางประเภท อาทิ การเต้นแอโรบิค การปั่นจักรยาน
  • ภาวะกระดูกงอกบริเวณกระดูกส้นเท้า
  • ไขมันบริเวณส้นเท้าฝ่อลีบตามอายุ เองก็มีส่วนทำให้อุ้งเท้าและฝ่าเท้าได้รับแรงกระแทกจนเกิดเป็นโรครองช้ำต่อมา 

การรักษา

ก่อนได้รับการรักษาโรครองช้ำ แพทย์ต้องวินิจฉัยก่อนว่าไม่ได้เป็นโรคอื่นที่มีอาการคล้ายคลึงกัน เช่น โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท ซึ่งจะทำให้เกิดการปวดบริเวณฝ่าเท้าได้เช่นกัน แต่โรคดังกล่าวมักมีอาการอื่นร่วมด้วย ส่วนโรครองช้ำจะมีอาการปวดบริเวณจุดเกาะของพังผืดบริเวณฝ่าเท้าเท่านั้น  

หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรครองช้ำจะให้การรักษา ดังต่อไปนี้ 

  • แพทย์ส่วนใหญ่จะทำการรักษาด้วยการให้รับประทานยาร่วมกับการแช่เท้าในน้ำอุ่นและยืดเหยียดฝ่าเท้าและเอ็นร้อยหวาย 
  • รับประทานยา เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ 
  • แนะนำให้ลดน้ำหนัก โดยควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เอ็นฝ่าเท้ารับน้ำหนักมากเกินไปส่งผลให้อาการนั้นหายช้าและมีอาการปวดมากยิ่งขึ้น 
  • ใช้วิธีการรักษาแบบ insoles หรือแผ่นเสริมใต้ฝ่าเท้า (foot orthosis) ที่เหมาะสมกับรองเท้า  
  • ใส่เฝือกอ่อนชั่วคราว เพื่อลดการเคลื่อนไหวและการอักเสบในช่วงแรก ในเวลากลางคืนหรือสามารถใส่ได้ตามเวลาเหมาะสม 
  • ทำกายภาพบำบัด โดยใช้ความร้อนแบบอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound therapy) ดัดยืดที่เส้นเอ็นของฝ่าเท้าและใช้ไม้เท้าช่วยพยุงการเดิน 
  • ประคบเย็นหรือใช้น้ำแข็งประคบ เพื่อช่วยลดอาการปวดบวม 
  • รักษาด้วยคลื่นกระแทก (Shock-wave therapy) โดยใช้คลื่นเสียงกระตุ้นบริเวณจุดเกาะพังผืดฝ่าเท้า ให้เกิดการสมานตัวและลดการอักเสบ เนื่องจากทำให้เลือดมาหล่อเลี้ยงส่วนที่เสียหายและซ่อมแซมได้ ซึ่งผลการรักษามีความใกล้เคียงกับการผ่าตัด 
  • หลีกเลี่ยงการฉีดยากลุ่มสเตียรอยด์ 
  • สุดท้ายหากได้รับการรักษาตามลำดับทั้งหมดแล้วนานกว่า 6 เดือน อาการยังไม่ดีขึ้น อาจต้องพิจารณาใช้การผ่าตัด โดยมีทางเลือกทั้งผ่าแบบเปิดหรือใช้กล้อง เพื่อเลาะจุดเกาะพังผืดของฝ่าเท้า ซึ่งจะช่วยให้การอักเสบและอาการปวดหายไป 

การป้องกัน “โรครองช้ำ”

การรักษาโรครองช้ำอาจต้องใช้ระยะเวลานานในการรักษาหรือใช้ระยะเวลานานในการพักฟื้น จะดีกว่าหรือไม่หากเราสามารถป้องกันโรครองช้ำที่อาจเกิดขึ้นได้ 

  • เลือกรองเท้าให้เหมาะกับเท้าพอดีไม่รัดเกินไปสวมใส่สบายและเหมาะกับชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยลดแรงกระแทกจากการออกกำลังกายหรือเดินมากเกินไป หรือสวมใส่รองเท้าส้นนิ่ม โดยใช้แผ่นรองเท้า 
  • หยุดกิจกรรมที่ต้องใช้ฝ่าเท้าเป็นเวลานานหรือกีฬา อาทิ การว่ายน้ำ การวิ่ง การปั่นจักรยาน เพื่อหลีกเหลี่ยงน้ำหนักที่จะลงฝ่าเท้า และหลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า 
  • สำหรับสาวๆ ที่สวมรองเท้าส้นสูงมากๆ หรือสวมเป็นเวลานาน หากมีเวลาพักควรถอดรองเท้าออก และฝึกยืดกล้ามเนื้อน่อง ยืดพังผืดใต้ฝ่าเท้าบ่อย ๆ  
  • ผู้ที่มีเท้าผิดรูป เช่น ฝ่าเท้าแบนหรือโก่งเกินไป ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อตัดรองเท้าพิเศษ ให้เข้ากับรูปเท้าเพื่อช่วยลดการบาดเจ็บและป้องกันโรครองช้ำได้ 

หลายคนมองว่าโรครองช้ำเป็นเรื่องเล็กน้อยและสามารถรักษาให้หายขาดได้ไม่ยาก จนทำให้เกิดการรักษาด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น การซื้อยามากินเอง ไปฝังเข็มเพื่อรักษา ซึ่งวิธีดังกล่าวยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าสามารถรักษาโรครองช้ำได้ รวมถึงการนวดแผนโบราณเองก็ยังไม่มีการยืนยันว่าจะรักษาโรครองช้ำได้ แม้การนวดอาจช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณน่องได้บ้างก็ตาม  

ดังนั้น หากมีอาการของโรครองช้ำควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา เพราะโรคนี้ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ให้เกิดอาการเจ็บเรื้อรัง เพราะจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตในระยะยาว จึงควรรักษาโรครองช้ำให้เร็วที่สุดเพื่อทำให้การใช้ชีวิตประจำวันกลับมาสดใส ได้ใส่รองเท้าสวยๆ และออกกำลังกายได้ตามใจปรารถนาอีกครั้ง 

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?