เท้าแบนในเด็กกับเรื่องจริงที่พ่อแม่ควรรู้ (Flat Foot)

เท้าแบนในเด็กกับเรื่องจริงที่พ่อแม่ควรรู้ (Flat Foot)

คุณพ่อคุณแม่หลายคนก็คงจะอดเป็นห่วงลูกน้อยไม่ได้เมื่อพบว่ามีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับลูก หากสังเกตว่าเท้าลูกน้อยมีลักษณะแบน ก็คงจะกังวลใจทันทีกลัวว่าลูกจะพบเจอปัญหาเท้าแบนในเด็ก ความจริงแล้วเท้าแบนในเด็ก เป็นโรคอย่างหนึ่งใช่หรือไม่ และจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของลูกน้อยในอนาคตบ้างหรือเปล่า

เท้าแบน (Flat feet) คืออะไร?

เท้าแบน (Flat feet) คือภาวะที่ อุ้งเท้าแบนราบกับพื้นมากกว่าปกติ หรือไม่มีอุ้งเท้าเลย ทำให้รูปเท้าเปลี่ยน ส่งผลต่อการเดิน การทรงตัว และอาจมีอาการปวดร่วมด้วย
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ปกติคนเราเท้าจะมีรอยเว้าบ้าง ลองเอาเท้าเปล่าที่เปียกน้ำมาย่ำบนพื้นดู เราจะเห็นว่ารอยจะเว้าไปตามรูปเท้าไม่ได้เต็มทั้งฝ่าเท้า ส่วนเท้าแบนก็คือตรงกันข้าม เท้าจะไม่มีรอยเว้า จะมีลักษณะแบนติดพื้นไปตลอด ถ้าเท้าเปียกน้ำแล้วเอาย่ำบนพื้นคนที่เป็นเท้าแบนจะเห็นเป็นรอยเต็มทั้งฝ่าเท้า

เท้าแบนในเด็กเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และมีกี่ชนิด

หลัก ๆ แล้วสาเหตุที่ทำให้เท้าแบนจะมีอยู่ 3 ประการคือ

  1. เป็นมาแต่กำเนิดคือโดยธรรมชาติของร่างกาย
  2. Flexible Flat Feet เอ็นหย่อน สาเหตุนี้พบได้เป็นปกติในเด็ก
  3. Rigid Flat Feet หรือเท้าแบนชนิดแข็ง โดยในประเภทนี้อาจจะมีความผิดปกติจากส่วนอื่นร่วมด้วย อย่างเช่น อาการของสมองที่เรียกว่า Cerebral Palsy หรือมีความผิดปกติของไขสันหลัง หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือโครงสร้างของเท้า ซึ่งกระดูกแต่ละชิ้นมีความผิดปกติ

แต่ส่วนใหญ่ที่พบในเด็ก จะมีสาเหตุมาจากข้อ 1 กับ 2 เท่านั้น ข้อ 3 พบน้อยมาก

เท้าแบนมีกี่ประเภท ?

ภาวะเด็กเท้าแบนมี 2 ประเภท คือ

  1. เท้าแบนแบบยืดหยุ่น (Flexible flatfoot)
    พบบ่อยมากในเด็กเล็ก เมื่อยืน อุ้งเท้าจะราบกับพื้น แต่เมื่อเขย่งหรือนั่ง จะเห็นอุ้งเท้าชัดเจน ไม่มีอาการปวด เด็กสามารถเดินหรือวิ่งได้ตามปกติ  มักจะดีขึ้นเองเมื่อโตขึ้น (อายุ 6–10 ปี) เนื่องจากกระดูกและกล้ามเนื้อพัฒนาเต็มที่
    คุณพ่อคุณแม่แค่เฝ้าสังเกตให้ลูกน้อยใช้เท้าอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น เดินเท้าเปล่าบนพื้นต่างชนิด วิ่ง กระโดด 
  2. เท้าแบนแบบแข็ง (Rigid flatfoot)
    เกิดจากความผิดปกติของกระดูกและข้อต่อภายในเท้าตั้งแต่กำเนิด  เท้าไม่มีส่วนโค้งของอุ้งเท้า และไม่สามารถปรับเป็นรูปเท้าโค้งได้  มีลักษณะเท้าผิดรูป และเดินผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด มักมีประวัติครอบครัวเป็นโรคเท้าแบนที่มีอาการรุนแรง  
    เท้าแบนแบบแข็งเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นภาวะผิดปกติที่พบได้น้อย และสามารถตรวจเจอโดยศัลยแพทย์กระดูกและข้อ

รู้ได้อย่างไรว่าลูกน้อยมีอาการเท้าแบนในเด็ก

เท้าแบนในเด็ก คุณพ่อคุณแม่จะสังเกตได้ก็ตอนเมื่อลูกน้อยเริ่มเดิน อายุประมาณเกือบ 1 ขวบได้

เมื่อไหร่ที่ควรพาไปพบแพทย์เรื่อง เด็กเท้าแบน ?

  • หากลูกอายุมากกว่า 3-4 ขวบแล้ว แต่อุ้งเท้ายังไม่ปรากฏ 
  • มีอาการปวดเท้า ข้อเท้า หรือขา หลังจากการเดินหรือทำกิจกรรมที่ต้องเดินมากๆ  
  • เหนื่อยง่ายเมื่อเดินหรือวิ่ง หรือสงสัยว่าลูกมีภาวะเท้าแบนแบบแข็ง 

ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อในเด็ก 
 

เท้าแบนในเด็กเป็นโรคร้ายแรงหรือไม่ ?

ส่วนใหญ่ เท้าแบนในเด็ก เป็นพัฒนาการของเด็ก ไม่ใช่โรคร้ายแรงหรือความผิดปกติที่น่าวิตกกังวลมากนัก คือเด็กส่วนใหญ่ก็จะมีอาการเท้าแบนเป็นปกติอยู่แล้ว เกือบแทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ แต่พอโตขึ้นเด็กก็จะมีพัฒนาการไปตามวัย ร่างกายก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ เท้าที่เคยแบนราบในตอนเด็กก็จะค่อย ๆ ปรับเว้าโค้งรับกับเท้าไปเองตามพัฒนาการ แต่จะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เพราะบางทีพ่อแม่อาจจะมีลักษณะเท้าแบนนิด ๆ อยู่แล้ว ลูกก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามพ่อแม่เหมือนกับหน้าตานั่นเอง คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายจึงไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้มากนัก

แนวทางการวินิจฉัยและรักษาเท้าแบนมีอะไรบ้าง ?

หากสงสัยอาการเท้าแบนว่าเกิดจากภาวะกระดูกเชื่อมติดกัน แพทย์อาจพิจารณาทำการเอกซเรย์เท้าเพื่อดูโครงสร้างกระดูกและข้อต่อ หรืออาจพิจารณาการตรวจเพิ่มเติม เช่น CT Scan หรือ MRI เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำและการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

เท้าแบนในเด็ก จำเป็นต้องรักษาหรือไม่

หากเป็นกรณีเท้าแบนที่เกิดจาก Rigid Flat Feet คือเป็นโครงสร้างที่ผิดปกติ คงจำเป็นต้องรักษาเป็นจริงเป็นจัง และส่วนมากจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข แต่ถ้าเป็นเท้าแบนแบบยืดหยุ่น (Flexible Flat Feet) คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลมาก เพราะปัจจุบันยังไม่มีรายงานหรือการวิจัยทางการแพทย์ใด ๆ ที่ระบุเจาะจงว่า เท้าแบนแบบยืดหยุนในเด็ก จะส่งผลและมีปัญหาต่อพัฒนาการของเด็กในอนาคต ดูแลลูกน้อยไปตามปกติไม่ต้องตกใจหรือกังวลใจมากมาย 
เพราะอาการนี้เป็นธรรมชาติของเด็ก พอโตขึ้นทุกอย่างก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง มีบางรายถ้าเป็นมาก ๆ อาจจำเป็นต้องตัดรองเท้าช่วย แต่ถ้าหากไม่สบายใจจะเข้ามาปรึกษาแพทย์ก็ได้ ถือว่าเป็นการพาลูกน้อยมาตรวจสุขภาพเลยก็ดีและเพื่อความสบายใจของคุณพ่อคุณแม่ด้วย

การรักษาภาวะเท้าแบนในเด็ก

การรักษาภาวะเท้าแบนมีหลายวิธี และ ไม่ได้หมายความว่าทุกเคสต้องผ่าตัดเสมอไป แพทย์จะพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมที่สุด โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของเท้าแบน (ยืดหยุ่นหรือแข็ง) ความรุนแรงของอาการ และอายุของเด็ก โดยทั่วไป การรักษาจะเน้นไปที่การ บรรเทาอาการ เพิ่มคุณภาพชีวิต และส่งเสริมพัฒนาการตามวัยของเด็กเป็นหลัก ดังนี้

  • การสังเกตการณ์ (Observation): หากไม่มีอาการใดๆ แพทย์อาจแนะนำให้สังเกตอาการและพัฒนาการของอุ้งเท้าอย่างสม่ำเสมอ
  • การใช้อุปกรณ์เสริม (Orthotics/Arch Supports): แผ่นรองเสริมอุ้งเท้า (arch support) สามารถช่วยพยุงอุ้งเท้าและลดอาการปวดได้ มักใช้ในกรณีที่มีอาการปวดหรือเมื่อเท้าแบนมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว
  • การบริหารกล้ามเนื้อ (Physical Therapy/Exercises): การออกกำลังกายบางอย่าง เช่น การเดินเขย่งปลายเท้า การเก็บลูกแก้วด้วยนิ้วเท้า หรือการเดินบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเอ็นบริเวณเท้าและข้อเท้า
  • การผ่าตัด (Surgery): การผ่าตัดเป็นทางเลือกสุดท้ายและพิจารณาในกรณีที่เท้าแบนรุนแรง มีอาการปวดมาก ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่นๆ และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก

มีวิธีดูแลและปฏิบัติอย่างไรในการรักษาโรคเท้าแบน ?

  1. ข้อควรปฏิบัติระหว่างการรักษาโรคเท้าแบน
    • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการใส่อุปกรณ์เสริม การทำกายภาพบำบัด หรือการนัดติดตามผล
    • เลือกขนาดรองเท้าที่เหมาะสม รองเท้าควรมีขนาดพอดี ไม่คับหรือหลวมเกินไป มีพื้นที่สำหรับนิ้วเท้า และมีส้นรองเท้าที่มั่นคง อาจเลือกประเภทที่สามารถรองรับแผ่นเสริมอุ้งเท้าได้
    • สนับสนุนการทำกิจกรรมที่เสริมสร้างเท้า เช่น การเดินเท้าเปล่าบนพื้นผิวที่ปลอดภัย (สนามหญ้า, ทราย) เพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อเท้า
    • สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากลูกมีอาการปวดเพิ่มขึ้น เดินผิดปกติมากขึ้น หรือมีปัญหาอื่นๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์
  2. ข้อควรปฏิบัติหลังการรักษาโรคเท้าแบน
    • รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม เพราะน้ำหนักตัวที่มากเกินไปจะเพิ่มแรงกดต่ออุ้งเท้า
    • ส่งเสริมการออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเท้าและขา
    • เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมให้ลูก หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำซ้อนต่อเท้า
    • ตรวจเช็คสภาพรองเท้าและอุปกรณ์เสริม หากยังต้องใช้อุปกรณ์เสริม ควรตรวจเช็คสภาพเป็นประจำและเปลี่ยนเมื่อสึกหรอ
    • นัดติดตามผลกับแพทย์ตามกำหนด เพื่อประเมินพัฒนาการของเท้าและปรับแนวทางการดูแลหากจำเป็น

ภาวะเท้าแบนในเด็กส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายและสามารถหายได้เอง คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตลักษณะเท้าและการเดินของลูกอย่าสม่ำเสมอ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ลูกหลานของคุณมีพัฒนาการที่เหมาะสมและมีสุขภาพเท้าที่ดีในระยะยาว

ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเด็ก ที่โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเด็ก ที่โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล มีทีมกุมารแพทย์ นักกายภาพบำบัด และนักกิจกรรมบำบัดเฉพาะทางสำหรับเด็ก ซึ่งผ่านการฝึกอบรมกับสถาบันที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ  ให้บริการกายภาพฟื้นฟูหลังการรักษา แบบสหสาขาวิชาชีพ (Multidisciplinary Care Team) รวมถึงเทคโนโลยีในการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย อาทิ หุ่นยนต์กายภาพ Robot-assisted Gait Training, Hybrid Assistive Limb (HAL) และ Redcord NEURAC เป็นต้น

 

คะแนนบทความ