เดทสุขภาพดี 14 วิธี ชวนแฮบปี้วันวาเลนไทน์

เดทสุขภาพดี 14 วิธี ชวนแฮบปี้วันวาเลนไทน์

HIGHLIGHTS:

  • การค่อยๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียดจะช่วยให้กระเพาะไม่ต้องทำงานหนักเกินไป สารอาหารถูกดูดซึมเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ง่าย  และยังทำให้รู้สึกอิ่มได้เร็ว ช่วยให้น้ำหนักคงที่หรือลดลงได้
  • หากต้องการเพิ่มบรรยากาศด้วยการดื่มแอลกอฮอล์  ลองเลือกเป็นไวน์แดง  เพราะสารเมลาโทนินในผิวองุ่น จะช่วยปกป้องไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย ที่สำคัญไวน์แดงยังมีผลช่วยลดการเกิดอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสันอีกด้วย 

14 กุมภาพันธ์ของทุกปี นอกจากกุหลาบแดงแสนสวย หรือช็อกโกแลตในกล่องงามแล้ว คงพลาดไม่ได้กับมื้อเย็นสุดโรแมนติกกับคนรู้ใจ แต่คนรักสุขภาพจะทำอย่างไรไม่ให้เผลอใจไปกับอาหารอร่อยๆ  เครื่องดื่มน่าลิ้มลอง ตบท้ายด้วยขนม หวาน  ด้วยเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ และการวางแผนที่ดี จะช่วยให้วันวาเลนไทน์เป็นวันที่น่าจดจำ โดยไม่เพิ่มรอบเอวให้อย่างแน่นอน

1. ดาร์กช็อกโกแลตดีต่อสุขภาพ

หากไม่มีดอกกุหลาบหรือช็อกโกแลตแสนอร่อยก็คงลดทอนบรรยากาศโรแมนติกของวาเลนไทน์ลง แทนการเลือกช็อกโกแลตนมรสหวานจัด ลองเปลี่ยนเป็นดาร์กช็อกโกแลตรสเข้มดีต่อสุขภาพที่นอกจากแคลอรี่ต่ำแล้ว  ดาร์กช็อกโกแลตยังมีส่วนผสมของทริปโตเฟน (Tryptophan) กรดอะมิโนที่ช่วยให้สมองผลิตเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาททำให้เรารู้สึกมีความสุข นอกจากนี้ดาร์กช็อกโกแลตยังดีต่อสมอง ช่วยลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม รวมถึงความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด 

2. มื้อค่ำไขมันต่ำ

เลือกทานอาหารโดยเปรียบเทียบเมนูที่ให้พลังงานน้อย  อย่างอาหารไทยหรือญี่ปุ่นที่ไม่หวาน มัน รสจัดจ้าน อีกทั้งยังมีเมนูปลาให้เลือกมากมาย  หลีกเลี่ยงอาหารจีนหรือฝรั่งที่ใช้น้ำมันผัดทอด อุดมไปด้วยนม เนย และชีส แต่หากเลี่ยงไม่ได้ ควรเริ่มต้นอาหารจานแรกด้วยสลัดผักที่ราดน้ำสลัดน้ำใส ท็อปด้วยไก่อบ หรือไข่ต้ม แทนสลัดน้ำข้น โรยเบคอนและขนมปังกรอบ ส่วนจานหลักอาจเลือกสั่งปลา เคียงด้วยผักย่าง แทนสเต็กกับมันฝรั่งราดเกรวี่หรือซอสข้น อย่าลืมเลือกอาหารที่ปรุงด้วยการต้ม อบ ย่าง แทนทอดหรือผัด รวมถึงลดปริมาณแป้งลง หรือเลือกสั่งข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท และพาสต้าโฮลวีท

3. รองท้องเล็กน้อยก่อนไปดินเนอร์

การรับประทานอาหารเล็กๆ น้อยๆ ก่อนไปดินเนอร์จะช่วยให้ไม่รู้สึกหิวเกินไปจนรับประทานอาหารบนโต๊ะแบบรวดเดียวจบ นอกจากนี้การมีอาหารเล็กน้อยในกระเพาะจะช่วยให้แอลกอฮอล์ดูดซึมได้ช้าลง ไม่เมาเร็ว และดูดีตลอดมื้ออาหาร

4. รับประทานช้าๆ

ดื่มด่ำบรรยากาศและลิ้มรสอาหารอย่างเต็มที่ด้วยการรับประทานอย่างช้าๆ  การค่อยๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียดจะช่วยให้กระเพาะไม่ต้องทำงานหนักเกินไป รวมถึงทำให้สารอาหารถูกดูดซึมเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ง่าย  และยังทำให้รู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น  ซึ่งปกติร่างกายจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนส่งสัญญาณไปที่สมองว่าอิ่มแล้ว ดังนั้นการเคี้ยวช้าๆ จึงช่วยให้น้ำหนักคงที่หรือลดลงได้ในที่สุด

5.ไวน์แดงสักแก้ว

เลือกดื่มน้ำเปล่าดีกว่าดื่มน้ำหวานที่อุดมไปด้วยน้ำตาล แต่หากอยากเพิ่มบรรยากาศด้วยแอลกอฮอล์ ลองเลือกเป็นไวน์แดงสักแก้ว เพราะสารเมลาโทนินในผิวองุ่น ช่วยปกป้องไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย ไวน์แดงยังมีผลช่วยลดการเกิดอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน  แต่ควรดื่มเพียง 1-2 แก้วเท่านั้น

6. สีแดงแทนใจ

วาเลนไทน์ทั้งที อะไรๆ ก็ต้องเป็นสีแดง จริงๆ แล้วสีแดงในผักผลไม้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เช่น มะเขือเทศ พริกสีแดง และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ รวมถึงยังมีใยอาหารสูงช่วยป้องกันท้องผูก และทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง 

7. ลดโซเดียม

เป็นที่รู้กันว่าเกลือมีผลให้เกิดอาการบวมน้ำ ดังนั้นสาวๆ ที่ไม่อยากตื่นเช้าหลังวาเลนไทน์ด้วยตาบวมเป่ง หรือหน้าท้องยื่น ควรเลี่ยงอาหารรสเค็มและการปรุงเพิ่มด้วยน้ำปลาพริกหรือเกลือบนโต๊ะ การกินเค็มมากเกินไปยังส่งผลให้ไตทำงานหนักมากขึ้นจนอาจเป็นไตวายเรื้อรัง เสี่ยงเกิดโรคความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจวาย และเส้นเลือดในสมองแตก

8. อย่าอายที่จะถาม

การพูดคุยหรือสอบถามพนักงานจะทำให้ทราบว่าในอาหารที่รับประทานใช้เครื่องปรุงใดบ้าง อีกทั้งยังสามารถขอลดความหวาน มัน เค็มลงจากการปรุงปกติ  นอกจากนี้พนักงานเสิร์ฟอาจเสนอทางเลือกอื่นที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า เนื่องจากปัจจุบัน ผู้คนหันมาสนใจกับการมีสุขภาพดีมากขึ้น 

9. หารสอง

ไม่ใช่ค่าอาหาร แต่เป็นอาหารในจาน เนื่องจากอาหารบางจานอาจเสิร์ฟมาใหญ่เกินกว่าจะสามารถรับประทานคนเดียว สำหรับคู่เดทใหม่การแบ่งปันอาหารกันยังช่วยผ่อนคลายบรรยากาศ ทั้งนี้การหารสองยังหมายถึงการขอห่อกลับบ้านในกรณีที่รับประทานไม่หมด แต่หากยังไม่ตรงกลับบ้านภายใน 2 ชั่วโมงอาจต้องตัดใจทิ้งไป เพื่อความสะอาดและปลอดภัยจากการปนเปื้อนเชื้อโรคและแบคทีเรีย ป้องกันอาการท้องเสียและอาหารเป็นพิษ

10. ไม่ต้อง “พิเศษ” ทุกอย่าง

แม้วาเลนไทน์จะเป็นเทศกาลพิเศษ แต่อาหารที่สั่งไม่จำเป็นต้อง “พิเศษ” ขนาดใหญ่พิเศษ ปรุงรสพิเศษ หรือพิเศษเพิ่มเนื้อ ชีส ไข่ เพราะนั่นหมายถึงการเพิ่มแคลอรี่ในอาหาร และเพิ่มความกว้างของรอบเอวโดยใช่เหตุ

11. เดินเล่นหลังดินเนอร์

หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ลองเลือกการเดินเล่นย่อยอาหาร พูดคุยเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต การงาน หรือความฝันและความหวังซึ่งเป็นหัวข้อเหมาะที่จะคุยกันในวันวาเลนไทน์ สำหรับคู่ที่เดทกันนานแล้วอาจช่วยกันรำลึกความหลัง คุยถึงวาเลนไทน์ที่ผ่านมาครั้งก่อนๆ  นอกจากความโรแมนติกแล้ว ยังช่วยลดแคลอรี่และช่วยย่อยได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ควรเลือกสถานที่น่าเดิน ไม่มีกลิ่นควันรถ หรืออยู่ในตรอกซอกซอยที่อันตรายเกินไป

12. ปรุงอาหารเองที่บ้าน

ให้วาเลนไทน์เป็นเวลาดีๆ ที่ได้แสดงฝีมือการทำอาหารให้คนรักรับประทานหรือลงมือร่วมกัน ก่อนถึงเวลาดินเนอร์อาจไปช็อปปิ้งเลือกวัตถุดิบและเครื่องปรุงที่ชอบด้วยกัน ช่วยกันปรุงตามความถนัด ช่วยให้ได้อาหารที่ถูกปาก ประหยัด และได้ใช้เวลาร่วมกัน ทั้งนี้การช่วยกันคิดเมนูหรือตั้งชื่ออาหารให้โรแมนติกยังช่วยเพิ่มรสชาติและความสนุกสนานในการรับประทาน  เป็นการออกเดทที่สุขใจและสุขภาพดี

13. อย่าเครียดเกินไป

วาเลนไทน์เป็นวันแห่งความสุขและเสียงหัวเราะ หากการวางแผนและอาหารไม่เป็นไปตามความตั้งใจ ก็ไม่ควรเครียดหรือวิตกกังวลจนเกินไป ปล่อยใจให้สบาย เลือกจบมื้ออาหารแสนโรแมนติกด้วยขนมหวานชิ้นเล็กๆ พร้อมรอยยิ้มและความอิ่มเอม เพราะนอกจากอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้ว ความสุขและเสียงหัวเราะก็เป็นอีกกุญแจสำคัญของการมีสุขภาพดีเช่นกัน

14. เลือกกิจกรรมอื่นแทนการรับประทาน

วาเลนไทน์เป็นช่วงเวลาพิเศษที่คนสองคนได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข สำหรับคู่รักสุขภาพดี อาจเลือกเดทกันด้วยการทำกิจกรรมอื่นๆ แทนการชวนกันไปรับประทาน การดูหนัง ฟังเพลง เต้นรำ ขี่จักรยาน ปีนเขา หรือทำกิจกรรมที่ชอบเหมือนๆ กัน ช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้ดี โดยไม่จำเป็นต้องเป็นการเดทด้วยการรับประทานอาหารแพงๆ อุดมด้วยไขมันเสมอไป

การวางแผนฉลองวาเลนไทน์โดยคำนึงถึงการมีสุขภาพดี ช่วยให้ไม่ต้องกลับมาซ่อมร่างหลังวาเลนไทน์  แต่ไม่ควรเคร่งครัดหรือสร้างความกังวลจนหมดสนุก วันแห่งความรักควรอบอวลด้วยความโรแมนติก ความสุข และความเข้าใจ   อย่าลืมว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะก็ช่วยให้มีสุขภาพดีเช่นกัน

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?