ช่วงนี้เห็นเด็กๆ เดินเข้ามาตรวจ ดูตัวโต ตัวใหญ่กัน แต่เอ๊ะมีพุงใหญ่ รอบคอเข้มคล้ำ มาวัดส่วนสูงและน้ำหนักกันก็น้ำหนักเกินมาตรฐานกันพอสมควร เห็นแล้วก็อดห่วงไม่ได้ ในฐานะหมอไตเด็ก ก็เลยคิดว่าต้องมาคุยเรื่องอ้วนกับไตกันซะหน่อยดีกว่าค่ะ
เวลาเราเห็นเด็กตัวอ้วนๆ ก็ดูน่ารักน่าชัง อยากเล่นด้วย และก็อยากให้ลูกหลานตัวอ้วนสมบูรณ์แบบนี้บ้าง คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายก็ชอบและออกจะเป็นกังวลด้วยซ้ำถ้าหลานๆจะตัวไม่อ้วนกลมน่ารักเหมือนเด็กอื่นๆ เพราะรู้สึกว่าเด็กอ้วนคือเด็กสุขภาพดี แข็งแรง ถ้าไม่อ้วนจะดูสุขภาพไม่ดีน่าเป็นห่วง แต่ว่า…ลูกตัวอ้วนสมบูรณ์แบบนี้ สุขภาพดีจริงหรือ?
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แนวโน้มของเด็กอ้วนได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการศึกษา(Wang Y, 2006 &2009) ประมาณการได้ว่า ช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา ภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือภาวะอ้วนได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 3 เท่าจากที่ผ่านมา ปัจจุบัน ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมพบเด็กอ้วน จาก 1 ใน 5 รายของประชากรเด็ก และ 1 ใน 10 ราย ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา หน่วยปฏิบัติการรวบรวมข้อมูล IOTF ของอเมริกา ประมาณการณ์ไว้ว่าในปี 2020 จะมีเด็กอ้วนเพิ่มเป็นมากกว่า 35% ในยุโรป, มากกว่า 45% ในอเมริกา และ 20% ในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อมูลสถิติข้างต้นเป็นสัญญาณเตือนและบ่งชี้ให้เราทราบว่า ภาวะอ้วนไม่ได้คุกคามแค่ผู้ใหญ่ แต่กำลังคืบคลานเพิ่มขึ้นในเด็ก และก็มีผลกระทบจากภาวะแทรกซ้อนตัดออกนี้ต่อเด็กด้วยเช่นกัน ที่น่าเป็นกังวลก็คือภาวะแทรกซ้อนต่างๆเหล่านี้ก็เริ่มพบมากขึ้นตั่งแต่ลูกอายุยังน้อยอีกด้วย และลูกก็ยังมีอายุอีกยาวนานที่จะอยู่กับภาวะแทรกซ้อนเหล่านั้น ปัจจุบันเราเริ่มได้รับข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนอันเกิดจากภาวะน้ำหนักเกินอันผิดปกตินี้กันมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายจากภาวะอ้วนในระบบต่างๆ (Daniels SR 2009) เช่น กลุ่มอาการเมตาบอลิก ภาวะดื้ออินซูลิน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ความเสี่ยงต่อเบาหวานที่เพิ่มมากขึ้น ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นขณะหลับหรือรุนแรงกว่านั้น และ ภาวะกระดูกข้อต่ออักเสบหรือผิดรูป เป็นต้น

ดูเหมือนเราได้รับข้อมูลตรงนี้กันมาพอสมควรแล้วและค่อนข้างแพร่หลาย แม้แต่ตามอินเตอร์เน็ตทั่วไปก็สามารถหาข้อมูลตรงส่วนนี้ได้โดยง่าย แต่มีใครรู้บ้างไหมว่า ภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกินกว่าปกตินี้มีผลต่อไตของลูกน้อยด้วย และเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไตวายเรื้อรังหรือแม้แต่ไตวายระยะสุดท้ายต่อไปในอนาคตได้
จากการศึกษาพบว่ามีการเพิ่มขึ้นของภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายเป็น 2 เท่าจากเดิมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ร่วมกับการอัตราการเพิ่มขึ้นของภาวะอ้วนคู่ขนานไปกับอัตราไตวายที่เพิ่มขึ้น หลายการศึกษาได้บ่งชี้ชัดเจนว่า ภาวะอ้วนมีผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงของโรคไต(Wang Y 2006, Alessandra S 2010, Rafael T 2013) จากการศึกษาในประชากรชาวญี่ปุ่นจำนวนมากกว่า 100,000 คน (Iseki 2004) และการศึกษาอื่น (Hsu 2006) ในประชากรมากกว่า 320,000 คน พบว่าน้ำหนักยิ่งเกินมากเท่าใดในการวัดตามดัชนี BMI ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไตวายเรื้อรังมากขึ้น โดยไม่ขึ้นกับความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือการตรวจความผิดปกติที่พบในปัสสาวะแต่อย่างใด
ภาวะอ้วนมีผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงอื่นที่จะทำให้เกิดผลเสียต่อไตโดยทางอ้อม และตัวภาวะอ้วนเองที่มีผลต่อไตโดยตรงซึ่งได้แก่
| – ความดันโลหิตสูง | – ภาวะดื้ออินซูลิน | |
| – เบาหวาน | – ภาวะดื้อเลปตินและระดับเลปตินสูง | |
| – ไขมันในเลือดสูง | – อดิโพเนกตินและรีซิสตินผิดปกติ | |
| – กลุ่มอาการเมตาบอลิก | – ระดับเรนินและอัลโดสเตอโรนสูง |
เราทราบกันอยู่แล้วว่า ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง มีผลต่อไต โดยเฉพาะเส้นเลือดที่ไต มีผลทำให้ไตแย่ลง เสื่อมถอยและท้ายที่สุดก็ทำให้เกิดไตวาย ในคนที่มีภาวะอ้วนก็จะมีโอกาสเป็นเป็นโรคนี้มากขึ้นและเพิ่มโอกาสไตวายเพิ่มขึ้น แต่หากผู้ป่วยมีภาวะอ้วน โดยที่ไม่มี 3 ภาวะหลักดังกล่าวข้างต้น ก็สามารถเกิดไตวายได้จากภาวะอ้วนนั้นเองได้เช่นกัน ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดจากเหตุต่างๆดังต่อไปนี้
โดยสรุปกลุ่ม “ฮอร์โมนอ้วน” ที่มาจากไขมันทั้งหลายของเราและฮอร์โมนอินซูลินที่สูงผิดปกติ จะไปกระตุ้นสารอนุมูลอิสระต่างๆ(ROS) ซึ่งเป็นเจ้าตัวร้ายต่อการเกิดโรคส่วนมากของร่างกาย สารอนุมูลอิสระนี้จะทำให้เกิดกลไกการอักเสบที่เนื้อไตในระดับโมเลกุล และการสร้างเนื้อเยื่อที่ผิดปกติไปจากเดิม อีกทั้งยังมีการเพิ่มความดันของการกรองที่หน่วยไตและความดันในไตที่เพิ่มมากขึ้นผิดปกติ ความผิดปกติเริ่มแรกที่อาจเจอได้ ก็อาจจะเป็นการตรวจพบมีไข่ขาวหลุดออกมาในปัสสาวะในการตรวจปัสสาวะปกติ หรือการตรวจในระดับเคมีจุลภาคสำหรับการวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ ที่เรียกว่า microalbumin ที่มีการขับออกมามากกว่าปกติ ในระดับเนื้อไตเองสารอนุมูลอิสระจะทำให้เกิดการสร้างพังผืดและการเซลล์เนื้อเยื่อที่ผิดปกติ ซึ่งจะทำให้มีความเสี่ยงแต่การทำลายเนื้อไตไปเรื่อยๆเป็นโดมิโน่ และทำให้ไตเสียไปในที่สุด นอกจากนั้นก็จะทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงและมีผลเสียต่อไตเป็นวัฏจักรอีก
จากการศึกษาพบว่า(Alessandra S 2010) การตรวจพบปัสสาวะที่ผิดปกติ สามารถตรวจพบได้ในเด็กอ้วนตั่งแต่อายุ 3 ขวบ ซึ่งการตรวจพบนี้มักบ่งชี้การทำลายเนื้อไตในระยะเริ่มแรก การศึกษาในผู้ใหญ่เกี่ยวกับภาวะอ้วนและโรคไตมีการศึกษากันอย่างกว้างขวาง แต่ในเด็กยังค่อนข้างน้อยและจำกัด แต่ก็มีหลักฐานสนับสนุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆว่า เด็กอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไตและภาวะแทรกซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นในวัยผู้ใหญ่ หรือแม้แต่วัยเด็กเอง และภาวะดังกล่าวอาจเริ่มมีมานานกว่าที่จะตรวจพบความดันโลหิตสูงหรือเบาหวานซะด้วยซ้ำ และในระยะยาวภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวในและไตวายในช่วงชีวิตผู้ใหญ่ล้วนมีจุดกำเนิดมาจากภาวะอ้วนตั่งแต่เด็กเป็นส่วนใหญ่
มีการศึกษาที่น่าสนใจ ของ Dr. Asaf Viviante (Asaf V 2012) ทำการศึกษาเด็กวัยรุ่นอิสราเอล จำนวน 1.2 ล้านคน ติดตามในช่วงเวลา 30 ปี พบว่า เด็กที่มีภาวะน้ำหนักเกิน มีความเสี่ยงต่อการเกิดไตวายประมาณ 2-3 เท่าเทียบกับเด็กปกติ และ 6 เท่าต่อการเสี่ยงเป็นไตวายจากเบาหวาน และความเสี่ยงเพิ่มเป็นประมาณ 4-5 เท่าในเด็กที่วินิจฉัยว่าอ้วนโดยไม่จำเป็นต้องมีเบาหวานร่วม และก้าวกระโดดเป็น 19 เท่าต่อการเสี่ยงเป็นไตวายจากเบาหวานในเวลาต่อมา ดูแล้วเป็นสถิติที่น่าตกใจทีเดียว และการไปเป็นไตวายในช่วงอายุ 40-50 ปี หรือเร็วกว่านั้นอาจไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนัก
การเกิดภาวะไตวายเรื้อรังหรือการบาดเจ็บต่อไต ส่วนมากสามารถป้องกันและเฝ้าระวังได้ ภาวะอ้วนในเด็กเป็นภัยเงียบ แต่เป็นจุดที่เราสามารถป้องกันผลเสียต่อไตและผลเสียต่างๆในอนาคตได้หากตระหนักถึงความสำคัญ อย่าคิดว่ารอให้มีอาการแล้วค่อยสนใจเพราะบางครั้งมันอาจจะสายเกินไป เลิกค่านิยมเด็กอ้วนและตระหนักถึงความเสี่ยงต่างๆที่จะตามมา เริ่มต้นที่ครอบครัวเพื่ออนาคตที่ปลอดภัยของลูกๆ กันค่ะ