เมื่อลูกกลืนสิ่งแปลกปลอม

เมื่อลูกกลืนสิ่งแปลกปลอม

HIGHLIGHTS:

  • สามารถสังเกตอาการของเด็กที่กลืนสิ่งแปลกปลอมเข้าไปได้จาก การไอ สำลัก หายใจไม่สะดวก เจ็บคอ น้ำลายไหลมาก น้ำลายมีเลือดปน กลืนน้ำลายหรืออาหารลำบาก ปฎิเสธอาหาร ปวดท้อง อาเจียนหรือถ่ายมีเลือดปน หรือบางคนอาจไม่มีอาการใดๆ
  • ห้ามล้วงหรือทำให้อาเจียน เพราะสิ่งแปลกปลอมอาจหลุดจากทางเดินอาหารไปสู่ทางเดินหายใจ ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้
  • สิ่งแปลกปลอมบางชนิด เช่น พลาสติก ไม้ ก้างปลาเล็กๆ อาจถ่ายภาพรังสีไม่เห็น ดังนั้นประวัติอาการและตัวอย่างหรือรูปวัสดุที่กลืนเข้าไปจึงมีความสำคัญที่จะช่วยให้แพทย์พิจารณาการรักษาได้อย่างถูกต้อง

ผู้ปกครองควรจะต้องเฝ้าระวังว่าลูกๆ ที่อาจมีการเล่นเพลิน จนกระทั่งเผลอกลืนสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในปากได้ ซึ่งสิ่งแปลกปลอมที่พบว่าเด็กกลืนบ่อยมากที่สุด คือ เหรียญ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อายุ 6 เดือน ถึง 3 ปี  แต่ส่วนใหญ่สิ่งที่เด็กกลืนเข้าไปนั้นจะสามารถหลุดออกจากทางเดินอาหารเองได้ 80-90% โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ

แต่ 10-20% สิ่งแปลกปลอมอาจไม่สามารถหลุดออกมาเองได้ หรืออาจหลุดลึกเข้าไปจนต้องเอาออกด้วยวิธีส่องกล้องทางเดินอาหาร ส่วนอีก 1% อาจต้องเอาออกด้วยวิธีผ่าตัด

การวินิจฉัยและการรักษาเมื่อเด็กกลืนสิ่งแปลกปลอม

การเอาสิ่งแปลกปลอมออกขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของวัตถุที่กลืนลงไป ตำแหน่งที่สิ่งแปลกปลอมติดอยู่ อายุของเด็ก และระยะเวลาที่กลืนสิ่งแปลกปลอม

วัสดุบางชนิด เช่น พลาสติก ไม้ ก้างปลาเล็กๆ อาจถ่ายภาพรังสีไม่เห็น ดังนั้นประวัติอาการและตัวอย่างหรือรูปวัสดุที่กลืนเข้าไปมีความสำคัญที่จะช่วยให้แพทย์พิจารณาการรักษาได้อย่างถูกต้อง

อาการที่ควรสังเกตเมื่อลูกกลืนสิ่งแปลกปลอม

เด็กอาจมีอาการ ไอ สำลัก หายใจไม่สะดวก เจ็บคอ น้ำลายไหลมาก น้ำลายมีเลือดปน กลืนน้ำลายหรืออาหารลำบาก ปฎิเสธอาหาร ปวดท้อง อาเจียนหรือถ่ายมีเลือดปน หรือบางคนอาจไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้

การปฏิบัติตัวเบื้องต้นเมื่อลูกกลืนสิ่งแปลกปลอม

  • ให้งดน้ำงดอาหาร ก่อนพามาโรงพยาบาล 
  • ถ้ามีอาการทางระบบหายใจ เช่น ไอ สำลัก หายใจไม่สะดวก สิ่งแปลกปลอมที่กลืนอาจหลุดเข้าทางเดินหายใจ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินต้องรีบมาโรงพยาบาลในทันที
  • หากเด็กไม่มีอาการใด ๆ  ไม่แนะนำให้ล้วงหรือทำให้อาเจียนออกเพราะสิ่งแปลกปลอมอาจหลุดจากทางเดินอาหารไปสู่ทางเดินหายใจ ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้
  • นำตัวอย่างหรือรูปและขนาดสิ่งของที่เด็กกลืนมาให้แพทย์ดู
  • รีบไปพบแพทย์  เพื่อถ่ายภาพรังสีบริเวณช่องอกและช่องท้อง เพื่อดูตำแหน่งของสิ่งแปลกปลอม

ลูกกลืนกระดุม ก้างปลาติดคอลูก ควรทำอย่างไรถ้าวัตถุติดในหลอดอาหาร

  1. ลูกกลืนกระดุม แบตเตอรี่ชนิดเม็ดกระดุม หรือวัสดุแหลมคม - ไม่ว่าเด็กจะมีหรือไม่มีอาการ แนะนำให้รีบพาเด็กมาพบแพทย์เพื่อส่องกล้องทางเดินอาหารเอาสิ่งแปลกปลอมออกโดยเร็วที่สุด
  2. ลูกกลืนแม่เหล็ก - ส่องกล้องทางเดินอาหารเอาออกภายใน 12-24 ชั่วโมง
  3. ลูกกลืนเหรียญ หรืออาหารอุดตัน - ถ้ามีอาการควรรีบเอาออกโดยเร็วที่สุด  แต่ถ้าไม่มีอาการแนะนำให้เอาออกภายใน  24 ชั่วโมง
  4. วัตถุยาว > 6 เซนติเมตร ไม่แหลมคม - แนะนำให้เอาออกภายใน 24 ชั่วโมงถึงแม้จะไม่มีอาการ
  5. ก้างปลาติดคอลูก - ส่วนใหญ่มากกว่า 60% จะติดที่ในลำคอ คอหอย  ถ้าหลุดลงหลอดอาหาร และถ่ายภาพรังสีเห็นแสดงว่าก้างปลามีขนาดใหญ่  ให้ส่องกล้องทางเดินอาหารเอาออก เนื่องจากจะทำให้หลอดอาหารทะลุ เป็นแผลหรือติดเชื้อได้ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยเอกซเรย์ แนะนำให้ส่องกล้องเมื่อมีอาการ

เมื่อลูกกลืนสิ่งแปลกปลอม แล้ววัตถุติดในกระเพาะอาหาร

1. แบตเตอรี่ชนิดเม็ดกระดุม

เด็กกลืนแบตเตอรี่ แล้วมีอาการ แนะนำให้รีบส่องกล้องทางเดินอาหารเอาออกโดยเร็วที่สุด

เด็กกลืนแบตเตอรี่ แล้วไม่มีอาการ ให้ดูที่ขนาดของแบตเตอรี่ที่กลืน ดังนี้

  • เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี กลืนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า 2 เซตติเมตร แต่ไม่มีอาการ : แนะนำ ส่องกล้องทางเดินอาหารเอาออกภายใน 24-48 ชั่วโมง
  • เด็กอายุมากกว่า 5 ปี กลืนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า 2 เซตติเมตร แต่ไม่มีอาการ : สามารถรอได้โดยถ่ายภาพรังสีทุก 3-4 วัน ว่าสามารถหลุดออกจากกระเพาะได้เองได้หรือไม่ ถ้าไม่สามารถออกจากกระเพาะได้อาจพิจารณาส่องกล้องทางเดินอาหารเอาออก แต่ถ้าสามารถหลุดจากกระเพราะอาหารได้ สามารถรอให้ถ่ายอุจจาระออกมาเองได้

2.แม่เหล็ก

เด็กกลืนแม่เหล็ก แล้วมีอาการ แนะนำให้รีบส่องกล้องทางเดินอาหารเอาออกโดยเร็วที่สุด  

ลูกกลืนแม่เหล็ก แล้วไม่มีอาการ ให้ดูที่ขนาดของแม่เหล็กที่กลืน ดังนี้

  • ไม่มีอาการ กลืนแม่เหล็ก 1 ชิ้น ขนาดเล็กกว่า 2.5  เซนติเมตร - ให้ถ่ายภาพรังสีช่องท้องเป็นระยะว่าสามารถหลุดออกจากกระเพาะได้เองได้หรือไม่ ถ้าไม่สามารถออกจากกระเพาะได้ใน 24 ชั่วโมง อาจพิจารณาส่องกล้องทางเดินอาหารเพื่อเอาออก แต่ถ้าสามารถหลุดจากกระเพราะอาหารได้ สามารถรอให้ถ่ายออกมาเอง แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้วัตถุที่เป็นแม่เหล็ก งดใส่เสื้อผ้าที่มีกระดุม เข็มขัดที่มีโลหะที่แม่เหล็กสามารถดูดได้
  • ไม่มีอาการ กลืนแม่เหล็ก 1 ชิ้น ขนาดใหญ่กว่า 2.5  เซนติเมตร -  มักหลุดออกจากกระเพาะอาหารเองได้ยากจะต้องส่องกล้องเอาออก
  • ไม่มีอาการ กลืนแม่เหล็กมากกว่า 1 ชิ้น แม่เหล็กไม่อยู่ติดเป็นก้อนเดียวกัน หรือแม่เหล็กรวมกับวัสถุที่เป็นเหล็ก - ให้ส่องกล้องทางเดินอาหารเอาออกภายใน 12-24 ชั่วโมง เนื่องจากแม่เหล็กอาจมาติดกัน โดยมีเนื้อเยื่อกระเพาะหรือลำไส้แทรกระหว่างแม่เหล็ก ทำให้เกิดลำไส้เน่าและทะลุได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นแม่เหล็กชนิดที่มี neodymium เป็นส่วนประกอบจะมีความสามารถดูดติด กับโลหะหรือแม่เหล็ก สูงกว่าแม่เหล็กธรรมดา 5-10 เท่า จึงมีโอกาสเกิดอันตรายได้มาก
  • ไม่มีอาการ กลืนแม่เหล็กมากกว่า 1 ชิ้น แม่เหล็กอยู่ติดเป็นก้อนเดียว - ให้พิจารณาเหมือนเป็นแม่เหล็ก 1 อัน ให้โดยดูที่ขนาดที่แม่เหล็กติดรวมกัน แนะนำให้ถ่ายภาพรังสีติดตามทุก 4-6 ชั่วโมง

3.เด็กกลืนเหรียญ

ลูกกลืนเหรียญ แล้วมีอาการ แนะนำให้รีบส่องกล้องทางเดินอาหารเอาออกภายใน 24 ชั่วโมง

ลูกกลืนเหรียญ ไม่มีอาการ ให้ดูที่ขนาดของเหรียญที่กลืน ดังนี้ 

  • ลูกกลืนเหรียญ ประมาณขนาดเหรียญ 1 หรือ 2 บาท (วัตถุขนาดเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร) - สามารถรอได้โดยเอกซเรย์ช่องท้องทุกสัปดาห์เพื่อประเมินว่าสามารถหลุดออกจากกระเพาะได้เองได้หรือไม่ ถ้ายังอยู่ในกระเพาะนานเกิน 4 สัปดาห์ให้ส่องกล้องทางเดินอาหารเอาออก
  • ลูกกลืนเหรียญ ประมาณขนาดเหรียญ 5 บาท (วัตถุขนาดมากกว่าหรือเท่ากับ 2.5 เซนติเมตร) – มักหลุดออกจากกระเพาะอาหารเองได้ยากจะต้องส่องกล้องเอาออก

4.ลูกกลืนวัตถุที่ยาว หรือแหลมคม

  • วัตถุที่ยาว  ขนาดใหญ่กว่า 2.5  เซนติเมตร -  แนะนำให้รีบส่องกล้องทางเดินอาหารเอาออกภายใน 24 ชั่วโมง
  • วัตถุแหลมคม -  แนะนำให้รีบส่องกล้องทางเดินอาหารเอาออกภายใน 24 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นอันตรายต่อทางเดินอาหารได้
  • วัตถุไม่แหลมคม ไม่อันตราย ขนาดน้อยกว่า 2.5 เซนติเมตร - สามารถรอให้ถ่ายอุจจาระออกเองได้ใน 2-4 สัปดาห์  แต่ถ้าติดนานกว่า 4 สัปดาห์ แนะนำส่องกล้องทางเดินอาหารเพื่อเอาออก

ลูกกลืนสิ่งแปลกปลอม แล้ววัตถุติดในลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่

1. แบตเตอรี่ชนิดเม็ดกระดุม เหรียญ วัตถุไม่แหลมคม ไม่อันตราย
ถ้าหลุดผ่านกระเพาะมาได้แล้วส่วนใหญ่จะถ่ายอุจจาระออกเองได้โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนภายใน 1-2  สัปดาห์ โอกาสที่จะเกิดลำไส้ทะลุหรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่น น้อยกว่าร้อยละ 1  แนะนำให้ดูอุจจาระทุกครั้งที่เด็กถ่ายจนกว่าจะพบสิ่งแปลกปลอมหลุดออกไม่ ถ้าไม่ออกมาใน 1 สัปดาห์ ให้พบแพทย์เพื่อเอกซเรย์ดูตำแหน่งของสิ่งแปลกปลอม ถ้าเด็กมีอาการ เช่น  ปวดท้อง อาเจียน มีไข้ หรือถ่ายภาพรังสีแล้วสิ่งแปลกปลอมนั้นอยู่ตำแหน่งเดิมไม่เคลื่อนไหวใน 1 สัปดาห์แนะนำเอาออกด้วยวิธีผ่าตัด  ไม่สามารถเอาออกด้วยวิธีส่องกล้องได้

2. แม่เหล็ก
ถ้า 1 ชิ้นหรือ มากกว่า 1 ชิ้นแต่อยู่ติดกัน สามารถถ่ายหลุดออกเองได้ แนะนำให้ถ่ายภาพรังสีติดตามทุก 4-6 ชั่วโมง แต่ถ้ากลืนแม่เหล็ก > 1 ชิ้นที่ไม่อยู่ติดกัน หรือแม่เหล็กรวมกับวัตถุที่เป็นเหล็ก แนะนำให้ผ่าตัดเอาออก เนื่องจากแม่เหล็กอาจมาติดกันภายหลัง โดยมีเนื้อเยื่อกระเพาะ ลำไส้แทรกระหว่างแม่เหล็ก ทำให้เกิดลำไส้เน่าและทะลุได้ 

3. วัตถุแหลมคม
มีโอกาสเกิดลำไส้ทะลุร้อยละ 15-35 ถ้ามีอาการ ต้องเอาออกด้วยวิธีผ่าตัด แต่ถ้าไม่มีอาการแนะนำให้นอน รพ. เพื่อสังเกตอาการ และถ่ายภาพรังสีติดตามตำแหน่งของวัตถุทุกวัน รอจนกระทั้งถ่ายวัตถุนั้นออกมา แต่ถ้าวัตถุนั้นติดอยู่ที่เดิมนานมากกว่า 3 วัน หรือไม่สามารถถ่ายออกมาได้ภายใน 4 วัน พิจารณาให้เอาออกโดยการผ่าตัด

การป้องกันไม่ให้ลูก กลืนสิ่งแปลกปลอม

เด็กเล็กจะมีโอกาสหยิบและกลืนสิ่งแปลกปลอมเข้าปากได้ง่ายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้นผู้ดูแลเด็กควรที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กเล่นของเล่นที่มีขนาดเล็ก และเก็บสิ่งของขนาดเล็กที่เด็กสามารถหยิบเข้าปากได้ให้พ้นมือเด็ก ไม่ปล่อยให้เด็กเล็กเล่นคนเดียว

Reference list

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

*โปรดระบุ

ชื่อ*
ชื่อ*
นามสกุล*
นามสกุล*
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม*
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม*
อีเมล*
อีเมล*
คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?