ปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาร์ทโฟนมีบทบาทช่วยให้ชีวิตยุคนี้ของเราสะดวกสบายมากขึ้น จนแทบจะเป็นปัจจัย 4 ที่ขาดไม่ได้ แต่ผลจากการเสพติดอุปกรณ์ไฮเทคที่ว่าก็อาจทำให้สุขภาพเสื่อมก่อนวัยอันควรได้ เริ่มจากอาการยอดฮิตที่เรียกว่า Text Neck
“สังคมก้มหน้า” ดูจะเป็นคำนิยามอิริยาบถของคนในสังคมยุคปัจจุบันได้ชัดเจนดี ซึ่งการก้มหน้า บ่อยๆ นานๆ จะทำให้เกิดอาการปวดบริเวณ คอ บ่า และไหล่ อเมริกาได้บัญญัติศัพท์ที่ใช้เรียกอาการปวดนี้ว่า “Text Neck” นพ.พีรพัศฆ์ รุจิวิชชญ์ แพทย์ศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาการนี้ ได้ให้คำแนะนำการใช้สมาร์ทโฟน เพื่อให้หนุ่มสาวยุคดิจิตัล ปลอดภัยจากอาการ “ก้มหน้าก้มตา”
คำว่า Text Neck มีที่มาจากงาน วิจัยของ Dr.Kenneth K. Hansraj หัวหน้าฝ่ายศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์โรคกระดูกสันหลัง จาก New York Spine Surgery & Rehabilitation Medicine ซึ่งเพิ่งได้รับการตีพิมพ์ลงใน วารสาร Surgical Technology International และกลายเป็นข่าวใหญ่หลังจากนั้นไม่นาน งานวิจัยระบุว่ากะโหลกศีรษะ ของผู้ใหญ่โดยเฉลี่ยมีน้ำหนักประมาณ 4.5 – 5.5 กิโลกรัม โดยธรรมชาติของร่างกาย ถ้าศีรษะตั้งตรง กระดูกสันหลังคอจะรับน้ำหนัก- หนักศีรษะได้พอดีโดยไร้แรงกดทับ แต่การก้มศีรษะลงเพียง 15 องศาจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังคอเกร็งตัว เกิดแรงกดทับที่กล้ามเนื้อบ่า ไหล่ และกระดูกสันหลัง คอที่เทียบเท่ากับน้ำหนัก 12 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าน้ำหนักของศีรษะปกติถึงหนึ่งเท่าตัว หากโดยเฉลี่ยแล้วในหนึ่งวันเราก้มหน้าก้มตาดูจอสมาร์ทโฟน เพียง 2-4 ชั่วโมง กระดูกสันหลัง คอของเราจะต้องรองรับน้ำหนัก มากเกินกว่าปกติถึง 700 –1,400 ชั่วโมงต่อปี ซึ่งในปัจจุบันนี้พบว่าคนที่อยู่ในวัยทำงานหรือวัยเรียนที่ใช้สมาร์ทโฟนบ่อยๆ มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ เรื้อรังกันเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และถ้าหากไม่รีบรักษาให้ถูกวิธีอาจนำไปสู่โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมก่อนวัยได้
นพ.พีรพัศฆ์ รุจิวิชชญ์ แพทย์ศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะ Text Neck ว่า “ อาการเหล่านี้ทางการแพทย์เรียกว่า Myofascial Pain Syndrome เกิดจากกล้ามเนื้อส่วนที่มีการใช้งานมากๆ เกิดการหดรัดและเกร็งตัว ทำให้มีอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ซึ่งหากกล้ามเนื้อบริเวณ เดิมยังคงถูกใช้งานหนักบ่อยๆ จนหดเกร็งตัว เรื้อรัง กล้ามเนื้อรัดกันเป็นปมและไปดึงปลาย ประสาท จะทำให้อาการปวดลามไปยังบริเวณอื่น และอาจนำไปสู่ภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมก่อนวัยได้” อาการเบื้องต้นนั้นเริ่มจากปวดสั้นๆ บริเวณก้านคอ ตามด้วยบ่า โดยจะเป็นๆ หายๆ แต่ถ้าหากกล้ามเนื้อเกิดอาการเกร็งเรื้อรังจะปวดติดต่อกันนานขึ้น และอาจลามไปบริเวณอื่นๆ อย่างเช่น เบ้าตา ศีรษะ หรือหน้าอก จนบางคนอาจหันศีรษะไม่ได้ ซึ่งอาการที่ลุกลาม ตามมาเหล่านี้ทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่ามาจาก สาเหตุอื่น เช่น ไมเกรน เครียด หรือสายตาสั้น เลยไปรับการรักษาไม่ตรงจุด