รอยแผลเป็นจากสิว

โดยปกติแล้วแค่สิวอย่างเดียวก็สร้างปัญหาให้เรามากพออยู่แล้ว แต่เมื่อเจ้าเม็ดสิวนี้จากไป ยังไม่ยอมจากไปแบบมือเปล่ายังคงทิ้งรอยแผลไว้กับไปหน้าเราก่อนจากลาด้วย ต้องบอกเลยว่า เจ้าสิวนี้แสบมาก ไม่ใช่เรื่องสิว ๆ อย่างที่หลายคนคิด เพราะเมื่อสิวหมดไปแต่ปัญหาไม่ได้หมดตาม แต่ยังทิ้ง รอยแผลเป็นจากสิวไว้ คิดว่าเรื่องนี้คงเป็นประเด็นใกล้ตัวที่หลายคนอยากรู้

“ปกติเมื่อเป็นสิวโดยเฉพาะสิวบวมแดงอักเสบหรือสิวหัวหนอง สิวพวกนี้จะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบใต้ผิวหนัง เพียงเท่านี้ก็เริ่มมีแผลแล้ว แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือบางคนไปแกะ ไปเกา ไปบีบ จนทำให้เกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้น จนเป้นรอยแผลที่ชัดเจน ซึ่งเราเรียกว่า รอยแผลเป็นจากสิว นั่นเอง”

“ถ้าเป็นรอยแดง รอยดำทั่วไป กลุ่มนี้จะค่อย ๆ จางหายไปเอง จะใช้เวลามากน้อยเพียงใดขึ้นกับความเข้มของรอยและสภาพผิวหนังของแต่ละคน แต่ถ้าเป็นรอยแผลเป็นจากสิว แล้ว อันนี้แทบไม่มีโอกาสจะหายเองได้เลย ต้องทำการรักษาอย่างเดียว”

“หลัก ๆ แล้วจะแบ่ง รอยแผลเป็นจากสิว เป็น 2 ประเภท คือ แบบเนื้อนูนขึ้น แบบนี้จะเกิดจากเนื้อเยื่อชั้นหนังแท้ถูกทำลายไปมาก ชั้นผิวก็จะพยายามซ่อมแซมตัวเองมากเกินไปจึงทำให้เกิดเนื้อนูนขึ้น กับอีกหนึ่งประเภทก็คือ แบบที่เป็นหลุม เกิดจากพังผืดไปดึงยึดในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เห็นผิวหนังเป้นรอยบุ๋ม เกิดผิวหนังที่ไม่สม่ำเสมอขึ้นมา”

“ในกรณีที่เป็นแบบเนื้อนูนขึ้น ก็จะต้องพิจารณาที่รอยแผลที่นูนขึ้นมาว่าเป็นลักษณะไหน มีสีร่วมด้วยหรือไม่โดยปกติจะใช้วิธีการฉีดยา ให้รอยนูนราบลง แต่ถ้าเนื้อที่นูนมีรอยแดงหรือดำก็อาจจะต้องมีการใช้เลเซอร์เข้าช่วยในการปรับสภาพผิวให้สีจางลง แต่ถ้าเป็นแบบที่เป็นหลุม ก็จะมีวิธีรักษาที่ละเอียดกว่าเยอะกว่า เช่น

• การทาด้วยยากลุ่มกรดวิตามินเอ (หรือ Retin A) ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนเป็นการฟื้นฟูผิว
• มีการกรอผิวเพื่อให้ผิวสม่ำเสมอ เช่น การใช้ Diamond peel
• การทำ Subcision ซึ่งเป็นวิธีที่แพทย์จะทำการสอดเข็มลงไปใต้ผิวหนังเพื่อทำการตัดพังผืดใต้ผิวหนัง แล้วทำการเซาะทีละหลุม ๆ ค่อย ๆ ทำไปทุกตำแหน่งที่เป็นแผลหลุม อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าแผลเป็นมานานหรือไม่ ถ้าเป็นมานานวิธีนี้ก็อาจจะได้ผลไม่ดีนัก
• นอกจากนั้นก็จะมีการทำเลเซอร์ เป็นเลเซอร์แบบ Fractional ซึ่งจะเป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ปรับผิวหน้าให้เรียบเนียนขึ้น เช่น Fractional Radiofrequency Laser (matrix RF) ซึ่งนับเป็นเลเซอร์ที่ได้ผลดีมากพอสมควรสำหรับสำหรับการรักษาหลุมสิว

ซึ่งวิธีที่นิยมสุดในตอนนี้ก็คือ การทำเลเซอร์นี่เอง”

“อันนี้คงต้องตอบว่าขึ้นอยู่กับความหนักเบาของอาการแต่ละคน รอยแผลเป็นจากสิว ที่เกิดขึ้นเป็นมานานแค่ไหน และเป็นในระดับความรุนแรงแค่ไหนอันนี้ต้องดูเป็นกรณีไป ใครที่เป็นไม่มาก รักษาครั้งเดียวก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนใครที่เป็นมานาน แผลมีการอักเสบรุนแรง อันนี้ก็ต้องใช้เวลาในการรักษา ซึ่งในสัปดาห์แรกของการรักษาอาจจะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงนัก แต่ถ้ารักษาต่อเนื่องผ่านไปสัก 1 เดือนก็จะเห็นค่อย ๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น”

“ตามความเห็นของหมอแล้ว คิดว่าไม่มี เพราะลักษณะนี้เป็นรอยแผลเป็นไปแล้ว คงจะต้องทำการรักษาอย่างเดียว อีกอย่างยังไม่มีการศึกษาวิจัยว่ามีอาหารหรืออาหารเสริมใดที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ จีงบอกได้ว่าอาหารการกินไม่น่าจะมีส่วนช่วยนี้เรื่องนี้”

ท้ายสุดคุณหมอฝากคำแนะนำไว้ว่า การดูแลตัวเองไม่ให้เป็นสิวจะเป็นการดีที่สุด แม้ว่าสิวและรอยแผลเป็นจากสิว จะสามารถรักษาได้ แต่การรักษาต้องใช้เวลานาน การป้องกันสำคัญไม่น้อยกว่าการรักษา ถ้าทำได้จะได้ไม่ต้องมานั่งทุกข์กับปัญหาเหล่านี้