มือใหม่เตรียมไปวิ่งมาราธอนต่างประเทศ

• อุปกรณ์การวิ่ง รองเท้า เสื้อผ้า หมวก หรือนาฬิกา ที่ดีที่สุดไม่ใช่ของใหม่ที่สุด ควรใช้อุปกรณ์วิ่งที่เราใช้อยู่เป็นประจำอยู่แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากความไม่คุ้นเคยกับอุปกรณ์ต่างๆ
• ควรตรวจสอบเส้นทางและการเดินทางจากที่พักให้เรียบร้อยก่อนถึงวันแข่งขัน ลองเดินทางจากที่พักไปสถานที่แข่งขันสักครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้คำนวณเวลาการเดินทางได้ถูกต้อง
• ไปถึงก่อนเริ่มสตาร์ทสัก 1 ชม. เพื่อยืดเส้นยืดสายป้องกันการบาดเจ็บ และช่วยคลายความเครียด

กระแสรักสุขภาพที่กำลังมาแรง และทำให้กิจกรรมงานวิ่งเกิดขึ้นมากมายทั่วประเทศ และไม่ใช่แค่ในเมืองไทยเท่านั้น ในต่างประเทศก็มีการจัดงานวิ่งมาราธอนไม่น้อยเช่นกัน

การสมัครเข้าร่วมงานแข่งขัน ก็มีหลายรูปแบบ ในรายการใหญ่ๆ ที่เรียกว่าเป็น Major ของงานวิ่งนั้น จำเป็นต้องมีสถิติเวลาการวิ่งผ่านเกณฑ์ตามช่วงอายุ ที่ได้รับการรับรองจาก AIMS (สมาคมมาราธอนและการแข่งขันวิ่งระยะไกลนานาชาติ) เท่านั้น จึงจะสามารถมีคุณสมบัติในการสมัครได้ อย่างเช่น งานวิ่ง Boston Marathon ที่เป็นความใฝ่ฝันของนักวิ่งทั่วโลก ที่จะได้เข้าร่วมสักครั้ง

ส่วนงานวิ่งในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมในบรรดานักวิ่งคนไทย เช่น Tokyo marathon หรือ Osaka marathon จะเปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้สมัคร เนื่องจากจำนวนคนสมัครมักจะมากกว่าจำนวนที่รับได้ ดังนั้น จะมีการสุ่มจากเลขที่สมัคร หรือที่เราเรียกกันว่า Lotto ว่าใครที่จะได้สิทธิ์ในการร่วมการแข่งขันปีนั้นๆ น่าตื่นเต้นดีนะครับ

เมื่อได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันแล้ว การเตรียมตัวเพื่อไปวิ่งมาราธอนที่ต่างประเทศนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับนักวิ่งทุกคน นอกเหนือจากความแข็งแรงของร่างกายและการฝึกซ้อมอย่างดีแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องอื่นๆ ที่เราต้องคำนึงถึงด้วยเช่นกัน

อย่างแรกที่สุด ต้องตรวจสอบหนังสือเดินทาง และวีซ่า ให้เรียบร้อยก่อนวันเดินทาง

โดยปกติแล้วรายการวิ่งต่างๆ จะมีข้อมูลรายการแข่งขัน สถานที่จัดงาน สถานที่รับหมายเลขวิ่ง ซึ่งเราควรตรวจสอบให้เรียบร้อย หนังสือยืนยันการสมัครโดยส่วนมากจะส่งให้ทาง Email แล้ว ควรจัดเตรียมหนังสือเดินทางของเรา เพื่อยืนยันตัวตนและรับหมายเลขวิ่ง

จะมีรายละเอียดให้ทราบในข้อมูลการแข่งขันแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ควรจะเอามาเทียบกับแผนที่แล้วมองหา Landmark ที่สำคัญจะได้เป็นการกำหนดระยะทางคร่าวๆ ได้ครับ

โดยปกติแล้วเมื่อใกล้วันแข่งขัน ที่พักโดยรอบๆ จะถูกจับจองเต็มไปหมด แต่การเดินทางส่วนใหญ่ มักจะสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือรถโดยสารสาธารณะ ดังนั้น ควรตรวจสอบเส้นทางและการเดินทางจากที่พักให้เรียบร้อยก่อนถึงวันแข่งขัน แนะนำว่าให้ลองเดินทางจากที่พักไปสถานที่แข่งขันสักครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้คำนวณเวลาการเดินทางได้ถูกต้อง

ควรตรวจสอบสภาพอากาศในช่วงเวลาการแข่งขัน และเตรียมอุปกรณ์การวิ่งให้เหมาะสมกับสภาพอากาศนั้น ๆ นอกจากนี้แล้วความแตกต่างของเวลายังมีผลกับการปรับตัวของเราด้วย ซึ่งอาจจะส่งผลแตกต่างกันในนักวิ่งแต่ละคน ถ้าเป็นการวิ่งที่โซนยุโรป หรือโซนอเมริกา ควรจะเดินทางก่อนถึงวันงานล่วงหน้า 1-2 วัน เพื่อให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับเวลาในเขตประเทศนั้นๆ ผมแนะนำว่า อาจจะลองตื่นเช้าและวิ่งเบาๆ สักวันหนึ่งก่อนหน้าการแข่งขัน ก็จะทำให้เราปรับตัวได้ดีขึ้น

สิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่ของใหม่ที่สุด ดังนั้น อุปกรณ์วิ่งที่เราใช้อยู่เป็นประจำ และคุ้นเคยอยู่แล้ว ทั้งรองเท้า เสื้อผ้า หมวก หรือนาฬิกา ควรจะเป็นตัวเลือกแรกในการนำไปที่ต่างประเทศด้วย ในบางกรณีถ้าไม่อยากเสี่ยงกับกระเป๋าหาย หรือว่า กระเป๋าดีเลย์ แนะนำว่า หิ้วขึ้นเครื่องไปด้วยเลย รวมไปถึงเสื้อผ้าอย่างน้อยหนึ่งวัน ก็น่าจะทำให้เราสบายใจกว่า

นอกจากนี้ อาหารเสริมหรือเจลพลังงาน, ยาสามัญต่างๆ ควรเตรียมไปให้พร้อมด้วยเสมอ ส่วนเรื่องอาหารที่ต่างประเทศ ก่อนงานวิ่งควรระมัดระวังการกินอาหารอะไรที่แปลกใหม่ ไม่เคยกินมาก่อน แนะนำให้รับประทานอาหารที่เราเคยกินเป็นประจำจะดีกว่าครับ

ในวันงานแข่งขัน แนะนำให้เผื่อเวลาไปถึงก่อนเริ่มสตาร์ทสัก 1 ชม. เพราะว่าบางงานมีความเข้มงวดในการตรวจผู้เข้าร่วมงานอย่างมาก ก็อาจจะทำให้เสียเวลาได้ นอกจากนี้ การที่ไปถึงก่อนเวลาก็จะทำให้ได้ยืดเส้นยืดสายก่อนป้องกันการบาดเจ็บ และช่วยคลายความเครียดได้นะครับ

ตลอดเส้นทางการแข่งขัน มักจะมีผู้ชมและกองเขียร์ตลอดสองข้างทาง อยากให้ทุกคนสนุกและมีความสุขตลอดเส้นทางการวิ่ง เพราะมันคือ ประสบการณ์ใหม่ๆ และแน่นอนว่า จะประสบการณ์ดีๆ ในความทรงจำของทุกคน และเมื่อวิ่งจบแล้ว อย่าลืมจัดทริปสั้นๆ ให้ร่างกายได้พักผ่อนบ้างด้วยนะครับ