น้ำไขข้อเทียม แก้ปัญหาภาวะข้อเข่าเสื่อม

น้ำไขข้อเทียม แก้ปัญหาภาวะข้อเข่าเสื่อม
  • น้ำไขข้อเทียมมีคุณสมบัติ สร้างความหล่อลื่นในข้อ ลดการอักเสบ และเป็นส่วนประกอบสำคัญของสร้างตั้งต้นของน้ำไขข้อและผิวข้อการฉีดน้ำไขข้อเทียมจะช่วยปรับคุณภาพและสมดุลของปริมาณน้ำในข้อ จึงช่วยลดอาการอักเสบของข้อลงได้
  • การฉีดน้ำไขข้อเทียมมักพิจารณาใช้กับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบใช้ยา แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัด
  • นอกจากการรักษาข้อเข่าเสื่อมแล้ว การป้องกันถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายที่เหมาะกับวัยและสภาพของข้อ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมการปะทะ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ

กว่า 30 ปีแล้ว

ที่วงการแพทย์พยายามคิดค้นวิธีชะลอข้อเข่าเสื่อมเนื่องจากน้ำในข้อแห้ง จนในที่สุดก็สามารถผลิตน้ำไขข้อเทียมได้สำเร็จ แต่ปัญหาที่พบในระยะแรกคือยังไม่สามารถใช้ทดแทนน้ำไขข้อจริงได้ ด้วยยังขาดคุณสมบัติหลายประการ แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาประสิทธิภาพของน้ำไขข้อเทียมจนสามารถนำมาใช้กับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม ผลปรากฏว่า สามารถลดอาการปวดข้อเข่า ทำให้ข้อเข่าเคลื่อนไหวได้มากขึ้น โดยอาจมีประสิทธิภาพได้นานถึง 6 เดือน

ทำความรู้จักน้ำไขข้อเทียม

ปกติร่างกายจะมีน้ำไขข้อ ลักษณะเหนียวและยืดหยุ่น ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ เคลื่อนไหวได้ง่าย ช่วยหล่อลื่นผิวกระดูกอ่อนเพื่อลดการเสียดสีเมื่องอหรือเหยียดหัวเข่า รวมถึงช่วยลดแรกกดของผิวกระดูกข้อเข่า ขณะเดินหรือวิ่ง

ในบางภาวะ เช่น เมื่ออายุมากขึ้นหรือใช้งานข้อต่อหนักเกินไป น้ำในข้อก็จะมีปริมาณลดลง ส่งผลให้ข้อต่อต่างๆ เสื่อมสภาพหรือมีการบาดเจ็บของข้อ น้ำไขข้อจะผิดปกติไป อาจจะมีปริมาณลดลง น้ำไขข้อเทียมเป็นกลุ่มสารประกอบสังเคราะห์ เลียนแบบคุณสมบัติของน้ำในไขข้อ ซึ่งมีคุณสมบัติ สร้างความหล่อลื่นในข้อ ลดการอักเสบ และเป็นสารตั้งต้นให้ผิวข้อและเยื่อหุ้มข้อสามารถสร้างน้ำในข้อเพิ่มขึ้น ดังนั้นการฉีดน้ำไขข้อเทียมเข้าไปทดแทนจะช่วยลดอาการบาดเจ็บของข้อลงได้

น้ำไขข้อเทียมสามารถแบ่งตามขนาดโมเลกุล เป็นกลุ่มโมเลกุลใหญ่ กลุ่มขนาดกลาง และกลุ่มขนาดเล็ก โดยโมเลกุลขนาดใหญ่มีความโดดเด่นในการหล่อลื่น ส่วนขนาดกลางและเล็กจะมีคุณสมบัติเด่นเรื่องการเป็นสารตั้งต้นของน้ำในไขข้อ ผิวข้อ และเยื่อหุ้มข้อ ซึ่งปกติแพทย์จะพิจารณาใช้ตามคุณสมบัติและตามความเหมาะสม

การรักษาด้วยน้ำไขข้อเทียม

ข้อบ่งชี้ชัดเจนที่จำเป็นต้องได้รับการฉีดน้ำไขข้อเทียม คือผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม ในกลุ่มที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบใช้ยา แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัด เรียกว่าอยู่กึ่งกลางระหว่างการใช้ยากับการผ่าตัดนั่นเอง โดยการฉีดน้ำไขข้อเทียมจะมีประสิทธิภาพในการรักษาประมาณ 6 เดือน นอกจากนี้ยังใช้ในกรณีที่ผิวข้อมีการบาดเจ็บร่วมด้วย เช่นผิวข้อลูกสะบ้าบาดเจ็บ และยังสามารถใช้ร่วมกับการผ่าตัดโดยฉีดน้ำไขข้อเทียมหลังการผ่าตัดผิวข้อ เพื่อช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยให้สามารถกลับมาใช้ข้อต่อที่บาดเจ็บได้เร็วขึ้น

ความแตกต่างของการใช้ PRP (Platelet Rich Plasma) กับน้ำไขข้อเทียม

การพิจารณารักษาผู้ป่วยข้อเสื่อมว่าควรใช้การฉีดเกล็ดเลือด PRP หรือน้ำไขข้อเทียมขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เนื่องจากการรักษาทั้ง 2 วิธี มีหลักการแตกต่างกัน

การฉีดน้ำไขข้อเทียม มุ่งเน้นรักษาผู้ป่วยข้อเสื่อม โดยการเพิ่มน้ำหล่อลื่นและกระตุ้นสารตั้งต้นผิวข้อ ส่วนการฉีดเกล็ดเลือดเป็นการรักษาเพื่อกระตุ้นให้มีการซ่อมแซมเนื้อเยื่อหรือข้อที่เสื่อม ซึ่งทั้งสองวิธีสามารถฉีดหลังการผ่าตัด โดยใช้น้ำไขข้อเทียมช่วยปรับสมดุลน้ำในข้อ และฉีดเกล็ดเลือดเพื่อลดการอักเสบ ซึ่งอาจใช้ร่วมกันได้ แต่ไม่นิยมฉีดพร้อมกัน เนื่องจากข้อจะรับภาระมากเกินไป ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกันแพทย์อาจพิจารณาให้ฉีดน้ำไขข้อเทียมก่อน จากนั้นจึงนัดมาฉีดเกล็ดเลือด (PRP) ในครั้งต่อไป หรือฉีดเกล็ดเลือด (PRP) ก่อน แล้วจึงฉีดน้ำไขข้อเทียมก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้

ผลข้างเคียง และข้อห้ามในการใช้น้ำไขข้อเทียม

  1. กรณีผู้แพ้ต่อน้ำไขข้อเทียม ไม่ควรรักษาด้วยวิธีนี้เด็ดขาด เนื่องจากอาการแพ้อาจส่งผลเสียหายต่อข้อต่ออย่างรุนแรง
  2. ในผู้ป่วยที่มีภาวะข้อเสื่อมมากๆ อาจหวังผลจากการรักษาได้ไม่ดีเท่าที่ควร
  3. ในบางกรณีอาจเกิดข้ออักเสบขึ้นได้

แต่ปัจจุบันอาการดังกล่าวลดน้อยลงมาก เนื่องจากวิธีการสกัดน้ำไขข้อเทียมที่ทันสมัยจนมีความบริสุทธิ์เกือบเทียบเท่าน้ำไขข้อของผู้ป่วยเอง

ระยะเวลา ความถี่ในการฉีด และผลการรักษา

ปริมาณการฉีดน้ำไขข้อเทียมขึ้นกับอาการข้อเสื่อมของผู้ป่วย ระยะเวลาเกิดโรค และบริเวณข้อที่มีปัญหา ปกติแพทย์จะฉีดประมาณ 3-5 เข็ม โดยแบ่งเป็นสัปดาห์ละ 1 หรือ 2 เข็มต่อครั้ง จำนวน 2 ครั้ง ขึ้นกับอาการ ความรุนแรง และชนิดของน้ำไขข้อเทียม

ปัจจุบันมีการคิดค้นน้ำไขข้อเทียมให้สามารถฉีดแบบเข็มเดียวได้ ซึ่งมีข้อดีคือฉีดเพียงครั้งเดียว แต่ราคายังค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการฉีดหลายครั้ง แต่หากเทียบโดยรวมของราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมด การฉีดเป็นคอร์สมักมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า

สำหรับผลการรักษา จะเห็นผลจากประสิทธภาพจริงของตัวยาฉีดที่ประมาณ 4-6 สัปดาห์ หรืออาจจะนานได้ถึง 6 เดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค

ไม่ว่าจะเลือกรับการรักษาภาวะข้อเสื่อมด้วยวิธีการใดก็ตาม วงการแพทย์จะพัฒนาจนเกิดนวัตกรรมการรักษาอันทันสมัยอยู่เสมอ แต่การป้องกันถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อควบคุมหรือลดน้ำหนักตัว ออกกำลังกายที่เหมาะกับวัยและสภาพของข้อ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมการปะทะ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ซึ่งมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บต่อข้อต่อได้

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?