น้ำตาลในเลือดต่ำ

น้ำตาลในเลือดต่ำ

HIGHLIGHTS:

  • อาการของน้ำตาลในเลือดต่ำ บางครั้งอาจเกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ เช่น  ฝันร้าย ร้องไห้ขณะหลับ เหงื่อออกมาก รวมถึงรู้สึกเหนื่อย หงุดหงิด หรือสับสนหลังจากตื่นนอน
  • ผู้ป่วยเบาหวานควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ทั้งขณะออกกำลังกายและหลังออกกำลังกายไปแล้วหลายชั่วโมง
  • หากจำเป็นต้องรับประทานอาหารล่าช้ากว่าปกติมากกว่า 1 ชั่วโมง ควรหาของว่างรองท้อง ด้วยแครกเกอร์หรือผลไม้  เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) หรือภาวะกลูโคสในเลือดต่ำ (Low Blood Glucose)   เกิดขึ้นเมื่อระดับกลูโคสในเลือดลดลงต่ำกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในคนปกติ หรือต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดชิลิตรในกรณีของผู้ป่วยเบาหวาน คนทั่วไปเมื่อเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจากการอดอาหาร ร่างกายจะสามารถรักษาระดับน้ำตาลไว้ ด้วยกลไกทางระบบประสาทอัตโนมัติและฮอร์โมน   แต่ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วยยา   เมื่อรับประทานอาหารน้อย หรือออกกำลังกายมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจส่งผลให้มีอันตรายถึงหมดสติได้

อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตั้งแต่ไม่รู้สึกถึงอาการใดๆ  ไปจนถึงขั้นรุนแรง จนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรงเป็นอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาทันที ซึ่งพบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1

นอกจากนี้ อาการบางอย่างอาจเกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ เช่น  ฝันร้าย ร้องไห้ขณะหลับ เหงื่อออกมาก รวมถึงรู้สึกเหนื่อย หงุดหงิด หรือสับสนหลังจากตื่นนอน

อาการเล็กน้อยถึงปานกลาง

  • หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดปกติ
  • รู้สึกกระวนกระวาย
  • เหงื่อออก
  • หิว
  • ปวดหัวศีรษะ
  • มองเห็นภาพซ้อน
  • อ่อนเพลีย ง่วงนอน
  • มึนงง หรือสับสน
  • หน้าซีด
  • หงุดหงิด

อาการรุนแรง

  • ชัก
  • หมดสติ

สาเหตุของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอาจเป็นผลข้างเคียงของอินซูลินหรือยารักษาโรคเบาหวาน  ซึ่งส่วนใหญ่มักมีปัจจัยส่งเสริมร่วมด้วย เช่น

  • การบริโภคคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอ เมื่อร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรต ระบบย่อยอาหารจะย่อยน้ำตาลและแป้งให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคส จากนั้นกลูโคสจะเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หากบริโภคคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอระดับน้ำตาลในเลือดอาจลดลงต่ำเกินไป
  • การอดอาหาร จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงต่ำเกินไป ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอาจเกิดขึ้นได้ขณะหลับ หรือไม่ได้รับประทานอาหารเป็นเวลาหลายชั่วโมง
  • การออกกำลังกายมากเกินไป การเพิ่มระดับการออกกำลังกายมากเกินกว่าปกติ อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้นานถึง 24 ชั่วโมงหลังจากออกกำลังกายแล้ว
  • การดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่าง แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อท้องว่าง ทั้งนี้แอลกอฮอล์ยังทำให้ไม่รู้สึกถึงอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรงได้
  • ภาวะเจ็บป่วย เมื่อเจ็บป่วยอาจส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยลง หรือไม่สามารถรับประทานอาหารได้เลย  ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ  ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานและผู้ดูแลควรเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยเบาหวานเมื่อเกิดภาวะโรคอื่นแทรกซ้อน

การป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

  • การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด สามารถช่วยวางแผนการรับประทานอาหารและออกกำลังกายให้เหมาะสม  ผู้ป่วยเบาหวานควรตรวจสอบตัวเองด้วยเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดให้บ่อยเท่าที่แพทย์แนะนำ กรณีผู้ป่วยที่เคยเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำโดยไม่รู้ตัว มีความจำเป็นต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดบ่อยขึ้น  โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานในที่สูงหรือก่อนขับรถ 
  • รับประทานอาหารและของว่างตามปกติ แผนการรับประทานอาหารเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ รับประทานอาหารและของว่างเป็นประจำด้วยปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมเพื่อช่วยไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่าง
  • ออกกำลังกายอย่างปลอดภัย การออกกำลังกายสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ทั้งขณะออกกำลังกายและหลังออกกำลังกายไปแล้วหลายชั่วโมง ดังนั้นเพื่อช่วยป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ป่วยเบาหวานควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการออกกำลังกาย
  • ปรึกษาแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานยา ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ควรได้รับในแต่ละวัน รวมถึงวางแผนการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม  

การบรรเทาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยเบาหวาน

หากรู้สึกว่ามีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ ให้ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทันที เมื่อพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ให้รับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัมทันที เช่น

  • กลูโคส 4 เม็ดหรือ กลูโคสเจล 1 หลอด
  • น้ำผลไม้ 1/2 ถ้วย (4 ออนซ์) ต้องไม่ใช่น้ำผลไม้แบบแคลอรี่ต่ำหรือลดน้ำตาลลง  
  • น้ำอัดลม 1/2 กระป๋อง (4 - 6 ออนซ์) ต้องไม่ใช่น้ำอัดลมแบบแคลอรี่ต่ำหรือลดน้ำตาลลง
  • น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  • ลูกเกด 2 ช้อนโต๊ะ

รอ 15 นาทีแล้วตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้ง หากระดับกลูโคสยังอยู่ในระดับต่ำให้เพิ่มคาร์โบไฮเดรตอีก 15 กรัม แล้วตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้งหลังจาก 15 นาที ทำซ้ำขั้นตอนเหล่านี้จนกว่าระดับกลูโคสจะกลับมาเป็นปกติ

ทั้งนี้หากจำเป็นต้องรับประทานอาหารล่าช้ากว่าปกติมากกว่า 1 ชั่วโมง ควรหาของว่างรองท้องด้วยแครกเกอร์หรือผลไม้  เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด

นอกจากนี้ผู้ป่วยที่พบภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อย ๆ หรือมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรงควรสวมสร้อยข้อมือหรือจี้เพื่อบอกว่าผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานและต้องได้รับการดูแลทันที รวมถึงยังเป็นการส่งสัญญาณบอกอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นสำหรับแพทย์ที่ทำการรักษาได้อย่างรวดเร็ว  การได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วทันท่วงทีสามารถช่วยป้องกันปัญหาร้ายแรงที่อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?