ติ่งเนื้อแสนซน

ติ่งเนื้อแสนซน

คุณพ่อสมุทร นุชนารท มาพบคุณหมอปิตุลักษณ์ อัศวกุล ด้วยอาการท้องอืดๆ แน่นๆ คุณหมอจึงแนะนำให้ทำการส่องกล้องทั้งในส่วนบนและส่วนล่าง เนื่องจากคุณพ่ออายุ 80 ปีแล้วยังไม่เคยส่องกล้องเลย แต่คุณพ่อไม่ยอมทำเพราะกลัว คุณหมอจึงรักษาเบื้องต้นด้วยการให้ยาและติดตามอาการ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกก็ดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่หาย คุณหมอจำเป็นต้องหาสาเหตุให้ได้จนสุดท้ายก็กล่อมให้คุณพ่อทำการส่องกล้องได้สำเร็จ

ติ่งเนื้อแสนซน

คุณพ่อสมุทร นุชนารท มาพบคุณหมอปิตุลักษณ์ อัศวกุล ด้วยอาการท้องอืดๆ แน่นๆ คุณหมอจึงแนะนำให้ทำการส่องกล้องทั้งในส่วนบนและส่วนล่าง เนื่องจากคุณพ่ออายุ 80 ปีแล้วยังไม่เคยส่องกล้องเลย แต่คุณพ่อไม่ยอมทำเพราะกลัว คุณหมอจึงรักษาเบื้องต้นด้วยการให้ยาและติดตามอาการ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกก็ดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่หาย คุณหมอจำเป็นต้องหาสาเหตุให้ได้จนสุดท้ายก็กล่อมให้คุณพ่อทำการส่องกล้องได้สำเร็จ แต่ไม่มีอะไรง่ายอย่างนั้น… เพราะคุณพ่อเป็นโรคหัวใจ ยาที่ทานอยู่มีผลทำให้เลือดไม่แข็งตัว จะต้องหยุดยาโรคหัวใจก่อน 1 สัปดาห์จึงต้องปรึกษาคุณหมอโรคหัวใจด้วย เมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็นัดคุณพ่อมาส่องกล้อง ผลการส่องกล้องลำไส้ใหญ่พบว่า คุณพ่อมีติ่งเนื้อแต่ก้อนไม่ใหญ่ จึงทำการตัดออกพร้อมส่งตรวจ ผลยืนยันว่าไม่ใช่มะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้สบายใจกันทุกฝ่าย

แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้…. เมื่อเจ้าติ่งเนื้อแสนซนขนาด 3 ซม. ของติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ยังมาโผล่อยู่ที่ลำไส้เล็กส่วนต้นอีกด้วย หากทำการผ่าตัดจะต้องผ่าแบบ whipple’s operation ซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่และถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนอายุ 80 อย่างคุณพ่อ เพราะมีโอกาสเสียชีวิตสูงอาจจะถึง 1 ใน 4 เลยทีเดียว หากจะผ่าตัดผ่านกล้องความเสี่ยงก็อยู่ที่ก้อนใหญ่ อยู่ในตำแหน่งตัดยากโอกาสที่ผนังลำไส้จะทะลุมีสูง บวกกับเสี่ยงต่อการตัดออกไม่หมดอีกด้วย จึงต้องคุยกับคุณพ่ออย่างละเอียดเพื่อวางแผนการรักษา ผลสรุปคือเลือกการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง หลังจากนั้นผลการตรวจยืนยันออกมาว่าทุกอย่างเคลียร์หมด ทั้งผู้ป่วยและทีมแพทย์จึงได้โล่งใจกันทุกฝ่าย

คุณพ่อสมุทร นุชนารท กล่าวว่า “ผมเป็นโรคหัวใจและทำบายพาสมาสี่เส้นตั้งแต่ปี 45 พอต้นปี 57 รู้สึกแน่นหน้าอก น่าจะแน่นท้องด้วยแต่แยกไม่ค่อยออก นอนก็ไม่ค่อยหลับ แต่มุ่งไปที่เรื่องหัวใจอย่างเดียวจนในที่สุดได้มาพบคุณหมอปิตุลักษณ์ คุณหมอให้ส่องกล้องผมก็หลีก เพราะเพื่อนบอกว่าน่ากลัว แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจทำ ซึ่งคุณหมอได้อธิบายโดยละเอียดว่าเรามีความเสี่ยงอะไรบ้าง ประกอบกับก่อนทำก็ไปสืบมาแล้วว่าคุณหมอมีความสามารถ ทีมคุณหมอมีใครบ้าง หมอดมยาเป็นคุณหมออุษณีย์ ผมก็วางใจเพราะเคยทำมาแล้ว แถมคุณหมอบอกจะให้แพทย์ศัลยกรรมมาเดินเล่นอยู่ใกล้ๆ ห้องผ่าตัดเตรียมพร้อมให้ผมด้วย คราวนี้ผมก็สบายใจ ไม่มีความกังวลแล้ว ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคุณหมอเขาไปเลยครับ”

คุณพ่อสมุทร นุชนารทยังกล่าวต่ออีกว่า “สิ้นสุดการผ่าตัดก็สบายใจสบายตัว อาการท้องอืดและแน่นหน้าอกก็หายไป ประทับใจคุณหมอและทีมมากที่ช่วยดูแลผมเป็นอย่างดี พูดกันรู้เรื่อง ทำให้ผมเข้าใจ ผมว่าถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องคนไข้จะยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่นะครับ หากใครสงสัยว่าตัวเองมีอะไรผิดปกติต้องรีบไปหาคุณหมอนะครับ อย่างผมเองยังหลงผิดมาตั้ง 6-7 เดือนคิดแต่ว่าตนเองเป็นโรคหัวใจ ไม่ได้มาให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดู เราก็ไม่รู้ต้องให้คุณหมอเค้าช่วยหาคำตอบให้ครับ คิดดูซิผมนี่ 80 แล้วยังส่องกล้องสบายมาก แล้วหากคุณ 50 ต้นๆ จะกลัวอะไร”

นอกจากนี้ พญ.ปิตุลักษณ์ อัศวกุล (อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารและตับ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท) ขอฝากว่า “การส่องกล้องลำไส้ใหญ่โดยไม่มีอาการ ทำให้เราพบเจอสิ่งผิดปกติตั้งแต่ยังเป็นก้อนเล็กๆ เจอเร็วก็ตัดออกได้เร็ว ก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง เพราะฉะนั้นอย่ากลัวการส่องกล้องเลยนะคะ ทีมแพทย์ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คนไข้มักกังวล เราทำงานเป็นทีม มีแผนหนึ่งแผนสองคอยรองรับเสมอ คนไข้ก็มั่นใจ อย่างเคสของคุณพ่อที่ประสบความสำเร็จได้ก็เพราะความไว้วางใจที่คุณพ่อมีให้กับทีมแพทย์ของเรา ผลการรักษาจึงเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจอย่างมากค่ะ”

คะแนนบทความ