การรักษาภูมิแพ้เชิงลึกในเด็ก แบบแม่นยำเฉพาะบุคคล

การรักษาภูมิแพ้เชิงลึกในเด็ก แบบแม่นยำเฉพาะบุคคล

Highlights:

  • การตรวจการแพ้สารก่อภูมิแพ้ และส่วนประกอบของสารก่อภูมิแพ้ ทำได้โดยการตรวจเลือด ผลที่ได้จะแสดงว่าผู้ป่วยแพ้สารชนิดใดบ้าง การแพ้อยู่ในระดับรุนแรงเพียงใด และภูมิของผู้ป่วยที่แพ้นั้นจะข้ามไปแพ้สารอื่นๆ ที่มีโครงสร้างคล้ายกันหรือไม่ เป็นการตรวจที่มีความละเอียด และมีการรายงานผลที่ครอบคลุม ครบถ้วน
  • การรักษาภูมิแพ้ด้วยการปรับภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy) หรือ วัคซีนภูมิแพ้ เป็นการกระตุ้นให้ผู้ป่วยสร้างภูมิที่ดีขึ้นเอง เหมือนมีวัคซีนในร่างกาย ส่งผลให้ปฏิกิริยาการแพ้น้อยลง ซึ่งในระยะยาวเมื่อภูมิที่ดีเกิดขึ้น ผู้ป่วยจะสามารถลดปริมาณยาแก้แพ้ที่ใช้ลง บางรายอาจหยุดใช้ยาแก้แพ้ได้ในที่สุด
  • การรักษาภูมิแพ้เชิงลึกในเด็ก เป็นการรักษาที่แม่นยำ แพทย์จะวินิจฉัยและนำข้อมูลสำคัญนำไปวางแผนการรักษาโรคและอาการของผู้ป่วยได้ตรงจุด เกิดการตอบสนองการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยสามารถหายจากอาการภูมิแพ้ได้

การรักษาภูมิแพ้เชิงลึกและเฉพาะเจาะจง เป็นการรักษาที่แม่นยำ ตรงจุด เพราะการตรวจวินิจัยเชิงลึกจะเป็นข้อมูลสำคัญนำไปสู่การวางแผนการรักษาโรคและอาการของผู้ป่วยแต่ละราย  ซึ่งแผนและแนวทางการรักษาต่างๆ ที่เลือกทำในผู้ป่วยแต่ละคน ทำให้เกิดการตอบสนองการรักษาได้ดีมีประสิทธิภาพสูงสุด จนผู้ป่วยสามารถหายจากอาการแพ้ต่างๆ ได้ โดยการรักษาภูมิแพ้เชิงลึกโดยทีมกุมารแพทย์โรคภูมิแพ้ มีดังนี้

ตรวจการแพ้สารก่อภูมิแพ้ และการแพ้ส่วนประกอบสารก่อภูมิแพ้โดยละเอียด (Component-resolved diagnostics)

สามารถตรวจได้ถึงองค์ประกอบของสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด ว่าผู้ป่วยแพ้องค์ประกอบใดของสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ   ซึ่งจะเป็นการตรวจที่ให้ข้อมูลโดยละเอียด เป็นประโยชน์ในการวางแผนการรักษาต่อและการหลีกเลี่ยงของที่แพ้ให้ตรงจุด  การตรวจองค์ประกอบสารก่อภูมิแพ้ เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้สารก่อภูมิแพ้หลายชนิด หรือแพ้อาหารหลายชนิด

  • วิธีการตรวจองค์ประกอบสารก่อภูมิแพ้ 
    การตรวจการแพ้สารก่อภูมิแพ้ และส่วนประกอบของสารก่อภูมิแพ้ วิธีนี้ทำได้โดยการตรวจเลือด  ผลที่ได้จะแสดงว่าผู้ป่วยแพ้สารชนิดใดบ้าง การแปลผลจะแปลได้ว่าผู้ป่วยแพ้สารชนิดใดบ้าง  และการแพ้อยู่ในระดับรุนแรงหรือแพ้เพียงเล็กน้อย   และภูมิของผู้ป่วยที่แพ้นั้นจะข้ามไปแพ้สารอื่นๆ  ที่มีโครงสร้างคล้ายกันหรือไม่ เช่น การแพ้สัตว์เลี้ยง จำพวกสุนัข  แมว อาจมีอาการแพ้ที่ข้ามกันได้   หรือการแพ้หญ้า  อาจแพ้ข้ามสายพันธุ์ได้   ยิ่งไปกว่านั้น การแพ้อาหารก็มีการแพ้ข้ามชนิดได้ ถ้าโปรตีนมีโครงสร้างคล้ายกัน ทำให้ผู้ป่วยแพ้อาหารหลายชนิด  เป็นต้น 
  • ข้อดีของการตรวจองค์ประกอบสารก่อภูมิแพ้ 
    การตรวจวิธีนี้จะได้ข้อมูลที่มีความละเอียด เพราะมีการนำโปรตีนจากสารก่อภูมิแพ้มาตรวจทดสอบเกือบร้อยชนิด ทำให้มีการรายงานผลที่ครอบคลุม และครบถ้วน

การทดสอบการแพ้อาหารโดยการรับประทาน (Oral food challenge)

การทดสอบนี้ทำเพื่อให้ทราบถึงชนิดของอาหารว่าแพ้อาหารชนิดใด และทราบปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหากได้รับอาหารที่แพ้ว่าจะมีอาการอย่างไร รวมถึงจะสามารถทราบได้ถึงปริมาณอาหารที่ผู้ป่วยสามารถรับได้ และปริมาณระดับที่ทำให้มีอาการแพ้เกิดขึ้น

  • วิธีการตรวจด้วยการทดสอบการแพ้อาหาร
    การทดสอบวิธีนี้ ทำโดยการให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่สงสัยว่าแพ้ทีละน้อย และสังเกตปฏิกิริยาการแพ้ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาสรุปผล ให้การวินิจฉัยและวางแผนการรักษาต่อไป
  • การทดสอบการแพ้อาหารเหมาะกับผู้ป่วยภูมิแพ้ ที่แพ้อาหารชนิดใดบ้าง 
    การทดสอบนี้สามารถทำการทดสอบได้กับอาหารเกือบทุกชนิดที่ผู้ป่วยสงสัยว่าทำให้เกิดอาการแพ้ อาทิ นม ไข่ แป้งสาลี กลูเต็น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง อัลมอนด์ วอลนัท เม็ดมะม่วงหิมพานต์  แมคคาเดเมีย พิสตาชิโอ ปลา และอาหารทะเลต่างๆ  เป็นต้น
  • ข้อดีของการทดสอบการแพ้อาหาร
    การทดสอบการแพ้อาหารทำให้สามารถยืนยันได้ว่าผู้ป่วยแพ้อาหารชนิดที่สงสัยหรือไม่ และในกรณีที่ทดสอบโดยการรับประทานแล้ว พบว่าแพ้อาหารชนิดนั้น ก็จะสามารถระบุได้ว่าปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากการแพ้มีอาการอย่างไร เกิดขึ้นในเวลาเท่าไหร่หลังการรับประทาน  และอาหารปริมาณเท่าใดที่ทำให้เกิดอาการแพ้นั้น เพื่อประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงและเพื่อวางแผนการติดตาม และทำการรักษาในระยะยาวต่อไป

การรักษาโรคภูมิแพ้ในเด็ก

  1. การรักษาภูมิแพ้แบบปรับภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy) หรือ วัคซีนภูมิแพ้
    การรักษาภูมิแพ้แบบปรับภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy) หรือ วัคซีนภูมิแพ้ เป็นการรักษาสำหรับโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจและการแพ้อาหาร โดยให้ผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ได้รับสารที่แพ้ทีละน้อยในระดับที่ปลอดภัย เพื่อให้เกิดการกระตุ้นภูมิที่เหมาะสม  ซึ่งสามารถปรับภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยให้แพ้น้อยลงได้  
    • ขั้นตอนการรักษาด้วยการปรับภูมิคุ้มกัน 
      หลังจากผู้ป่วยได้รับการตรวจแล้วว่าแพ้สารชนิดใด  จะนำสารนั้นมาทำเป็นวัคซีน และให้กับผู้ป่วยทีละน้อย โดยวิธีการฉีดหรือ อมใต้ลิ้น เพื่อให้เกิดการกระตุ้นภูมิที่เหมาะสม และเมื่อผู้ป่วยสร้างภูมิที่ดีขึ้นแล้วก็จะทำให้การแพ้น้อยลง ถ้าเป็นการแพ้อาหารก็จะรักษาโดยให้รับประทานอาหารที่แพ้ทีละน้อย ในระดับที่ปลอดภัย เพื่อให้เกิดภูมิที่ดี  ส่งผลให้อาการแพ้น้อยลง
    • ข้อดีของการรักษาภูมิแพ้ด้วยการปรับภูมิคุ้มกัน 
      การปรับภูมิคุ้มกันเป็นการกระตุ้นให้ผู้ป่วยสร้างภูมิที่ดีขึ้นเองในร่างกาย เหมือนมีวัคซีนในร่างกาย ส่งผลให้ปฏิกิริยาการแพ้น้อยลง ซึ่งในระยะยาวเมื่อภูมิที่ดีเกิดขึ้นเต็มที่แล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้น จนสามารถลดปริมาณยาแก้แพ้ที่ใช้ลงได้ บางรายอาจหยุดใช้ยาแก้แพ้ได้ในที่สุด
  2. การรักษาภูมิแพ้ด้วยยาชีวโมเลกุล (Biologic drug)  
    การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นแผนการรักษาที่ใช้ยามุ่งเป้าไปที่กลไกจำเพาะที่ก่อให้เกิดอาการของโรคโดยตรง  สามารถช่วยลดอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการรักษาสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรง
    • วิธีการตรวจและรักษาด้วยยาชีวโมเลกุล
      เริ่มจากการตรวจประเมินความรุนแรงของโรคโดยแพทย์ เพื่อจะวินิจฉัยและประเมินว่าการใช้ยาชีวโมเลกุลจะมีประโยชน์กับผู้ป่วยหรือไม่  ถ้าผลการประเมินพบว่าผู้ป่วยน่าจะตอบสนองดีกับยาชีวโมเลกุลก็จะเริ่มการรักษาโดยการให้ยา ซึ่งส่วนมากจะเป็นยาชนิดฉีด ซึ่งขนาดยาจะขึ้นกับชนิดของยาและอายุของผู้ป่วย ปัจจุบันยากลุ่มชีวโมเลกุลหลายชนิดได้รับอนุมัติให้สามารถใช้ในเด็กได้อย่างปลอดภัย
    • ข้อดีของการรักษาภูมิแพ้ด้วยยาชีวโมเลกุล
      ​​​​​​​ผู้ป่วยที่ได้รับการประเมินว่าลักษณะของโรคน่าจะตอบสนองได้ดีจากการให้ยาชีวโมเลกุล เมื่อได้รับการรักษาแล้วอาการของโรคจะดีขึ้น เพราะฤทธิ์ยาจะไปช่วยลดกลไกการอักเสบของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบหรือแพ้ การให้ยาที่ตอบสนองตรงกับกลไกของการเกิดโรค (targeted) จะส่งผลทำให้การรักษาโรคได้ผลดี  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในผู้ป่วยที่มีอาการของโรครุนแรงและตอบสนองไม่ดีกับยาที่เคยใช้มา ก็จะสามารถตอบสนองได้ดีกับยาชีวโมเลกุลชนิดที่ตรงกับกลไกการเกิดโรคของผู้ป่วยนั้น ๆ ได้
คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?