ปรับพฤติกรรม ลดความดันโลหิต

ปรับพฤติกรรม ลดความดันโลหิต

HIGHLIGHTS:

  • การลดความดันโลหิตควรเริ่มจากการปรับพฤติกรรมก่อน ยังไม่จำเป็นต้องใช้ยา
  • เป้าหมายของการควบคุมความดันโลหิต คือไม่ควรสูงเกิน 140/90 ม.ม./ปรอท

ความดันโลหิตสูง (Hypertension) หมายถึง ระดับ ความดันโลหิต 140/90 มม.ปรอท หรือมากกว่าซึ่งจะเป็นค่าบน (Systolic Blood Pressure, SBP) หรือ ค่าล่าง (Diastolic Blood Pressure, DBP) ก็ได้

ความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการ อาจตรวจพบโดยบังเอิญขณะไปตรวจรักษาโรคอย่างอื่น บางรายที่มีความดันโลหิตสูงมากๆ มักมีอาการปวดทั่วศีรษะ ปวดที่ท้ายทอย หรือวิงเวียนศีรษะร่วมด้วยได้ และผู้ป่วยบางรายที่มีความดันโลหิตสูงนานๆ อาจมาด้วยภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงได้ เช่น อาการหัวใจวายเฉียบพลัน, ไตวาย, เส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบ

ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่าความดันโลหิตสูง

  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้ทำทุกรายแม้ในรายที่ ยังไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูงก็อาจป้องกันหรือ ชะลอการเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้
  • การให้ยาลดความดันโลหิต ไม่จำเป็นต้องเริ่มยาทุกราย และผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงบางรายอาจไม่ต้องใช้ยาก็ได้ หากสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าความดันโลหิตไม่ลดลงหลังจากปรับพฤติกรรม เป็นระยะเวลา 3-6 เดือน จึงจำเป็นต้องใช้ยา

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

วิธีการ ข้อแนะนำ ช่วยลดความดันโลหิตได้
การลดน้ำหนัก ให้ดัชนีมวลกาย * (Body mass index) = 18.5-24.9 กก./ตร.ม. 5-20 มม.ปรอท ต่อการลดน้ำหนักตัว 10 กก.
การควบคุมอาหาร ให้รับประทานผัก ผลไม้ที่ไม่หวานจัดให้มาก ลดปริมาณไขมันในอาหารโดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว 8-14 มม. ปรอท
จำกัดเกลือในอาหาร ไม่ควรบริโภคเกลือมากกว่า 6 กรัมต่อวัน (เกลือ 1 ช้อนชา หนักประมาณ 5 กรัม) 2-8 มม.ปรอท
การออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายชนิด aerobic อย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดินเร็วๆ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน (อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน และเกือบทุกวัน) 4-9 มม.ปรอท
งดหรือลดแอลกอฮอล์ จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกิน 2 drinks/วัน ในผู้ชาย (ethanol 30 กรัม/วัน เช่น เบียร์ 720 มล., ไวน์ 300 มล. ,วิสกี้ที่ยังไม่ผสม 90 มล.) และไม่เกิน 1 drink/วันในผู้หญิงและคนน้ำหนักน้อย 2-4 มม.ปรอท
งดสูบบุหรี่    

*(ดัชนีมวลกาย = น้ำหนักตัว (กก.)/ส่วนสูง (เมตร)2)

ข้อแนะนำในการลดการกินเค็ม

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เช่น ปลาเค็ม ไข่เค็ม กะปิ
  • หลีกเลี่ยงการเติมเกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว หรือซอสปรุงรสในอาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว
  • หลีกเลี่ยงของขบเคี้ยวที่รับประทานแล้วเพลินและมีเกลือมาก เช่น ข้าวเกรียบกุ้ง มันฝรั่งทอด
  • ค่อยๆปรับเปลี่ยนนิสัยการบริโภคให้รับประทานจืด

เป้าหมายของการลดความดันโลหิต

  • ในผู้ป่วยทั่วไป ควรควบคุมให้ความดันโลหิต ต่ำกว่า 140/90 มม.ปรอท
  • ในผู้ป่วยอายุน้อย ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ผู้ป่วยหลังกล้ามเนื้อหัวใจตาย และผู้ป่วยหลังเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตควรควบคุมให้ความดันโลหิต ต่ำกว่า 130/80 มม.ปรอท

โดยจุดประสงค์ คือ เพื่อควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่ออวัยวะต่างๆในร่างกาย ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคสมอง หัวใจ ไต ที่จะก่อให้เกิดภาวะทุพพลภาพได้

ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ เนื่องจากร้อยละ 95 ของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจะเป็นชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ การรับการติดตามรักษาที่ดีจะช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนได้ ผู้ป่วยบางรายเมื่อรักษาไประยะหนึ่ง แล้วรู้สึกสบายดีจึงหยุดกินยา ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นจนทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนจึงมาพบแพทย์ ทำให้ไม่สามารถป้องกันทั้งอัมพาต และโรคหัวใจเฉียบพลันได้

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?