กลุ่มอาการอ้วนลงพุง ภัยเงียบใกล้ตัว

กลุ่มอาการอ้วนลงพุง ภัยเงียบใกล้ตัว

HIGHLIGHTS:

  • กลุ่มอาการอ้วนลงพุงในคนไทยอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 35 ปี มีประมาณร้อยละ 21.9 พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
  • การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก และการไม่ออกกำลังกาย คือปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอาการอ้วนลงพุง
  • การออกกำลังกาย ด้วยความแรงระดับปานกลางอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีต่อวันและอย่างน้อย 3 – 5 วันต่อสัปดาห์จะช่วยให้รักษากลุ่มอาการอ้วนลงพุงได้

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่คอยช่วยอำนวยความสะดวกแก่มนุษย์จนทำให้เกิดการปลูกฝังพฤติกรรมรักความสะดวกสบาย เกิดพฤติกรรมการนั่ง กิน นอน  มีการบริโภคที่มากจนเกินความต้องการ ไม่มีการออกกำลังกาย อันส่งผลให้เกิดกลุ่มอาการอ้วนลงพุง (Metabolic syndrome) ตามมา

กลุ่มอาการอ้วนลงพุง (Metabolic syndrome) คือ กลุ่มความผิดปกติที่พบร่วมกัน ได้แก่ ความผิดปกติของไขมันในเลือด ความดันโลหิต ระดับน้ำตาล ตลอดจนปัจจัยที่เป็นสารตั้งต้นของการอักเสบ (Proinflammatory, prothrombotic) ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือด และโรคเรื้อรังต่าง ๆ

ในสหรัฐอเมริกา พบกลุ่มคนในช่วงอายุ 20 – มากกว่า 70 ปี มีกลุ่มอาการอ้วนลงพุงโดยรวมประมาณร้อยละ 22 โดยพบว่าหากอายุมากขึ้นจะยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น

ส่วนข้อมูลกลุ่มอาการอ้วนลงพุงในประเทศไทย (Interasia study) ในประชากรอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 35 ปี จำนวน 5,091 ราย พบประมาณร้อยละ 21.9 (NCEP ATP III) พบว่าเพศหญิงมีกลุ่มอาการอ้วนลงพุงมากกว่าเพศชายโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และความผิดปกติที่พบบ่อยสุด คือ ไขมันดี (HDL) ต่ำ

เราจะมีความเสี่ยงต่อภาวะอ้วนลงพุงได้เมื่อไหร่

เมื่อมีลักษณะที่เข้าได้กับเกณฑ์ NCEP ATP III 2005 มากกว่าหรือเท่ากับ 3 ข้อ ดังต่อไปนี้

  1. เมื่อมีเส้นรอบเอว : >/= 90 ในชาย และ >/= 80 ซม.ในหญิง (เกณฑ์คนเอเชีย)
  2. ความดันโลหิต : >/= 130/85 มม.ปรอทหรือได้รับการรักษาด้วยยาลดความดันโลหิต
  3. ระดับน้ำตาลในเลือด : >/= 100 มก./ดล. หรือได้รับการรักษาภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
  4. ระดับไขมันดี (HDL) : < 40 มก./ดล.ในชาย หรือ < 50 มก./ดล.ในหญิง หรือได้รับการรักษาภาวะไขมันดีต่ำด้วยการทานยา
  5. ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ : >/= 150 มก./ดล.หรือได้รับการรักษาภาวะไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงด้วยยา

สาเหตุของกลุ่มอาการอ้วนลงพุง (Metabolic syndrome)

สาเหตุหลัก คือ ภาวะอ้วน และภาวะดื้อต่ออินสุลิน (คือภาวะที่ฮอร์โมนอินสุลินมีความผิดปกติ ไม่สามารถจับกับน้ำตาลในเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น) จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดตามมาได้

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มอาการอ้วนลงพุง

  1. น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น จัดเป็นปัจจัยหลักในการเพิ่มกลุ่มอาการอ้วนลงพุง
  2. เชื้อชาติ : ในสหรัฐอเมริกา พบประชากรที่จัดอยู่ในกลุ่มอาการอ้วนลงพุงมากกว่าคนยุโรปเนื่องจากคนอเมริกามีคนอ้วนมากกว่า
  3. วัยหลังหมดประจำเดือน
  4. สูบบุหรี่
  5. การรับประทานอาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก
  6. การไม่ออกกำลังกาย เช่น การนั่งทำงานตลอดทั้งวัน
  7. การใช้ยาจิตเวชบางชนิด โดยเฉพาะ ยา Clozapine

ความผิดปกติที่เกิดจากภาวะอ้วนลงพุง

  1. เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน (type 2 DM) จากการรวบรวมศึกษาของกลุ่มคนหลายเชื้อชาติ พบอัตราความเสี่ยงเบาหวานในกลุ่มอาการอ้วนลงพุงประมาณ 3.53 – 5.17
  2. เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  3. ภาวะไขมันสะสมคั่งในตับ ภาวะตับแข็ง
  4. โรคไตเรื้อรัง
  5. การนอนหลับผิดปกติ รวมถึงการหยุดหายใจขณะหลับ
  6. เก๊าท์และภาวะกรดยูริกสูง
  7. ภาวะสมองเสื่อม (cognitive decline, dementia)

การรักษากลุ่มอาการอ้วนลงพุง

การแก้ไขปัจจัยที่เป็นสาเหตุอันได้แก่ โรคอ้วนและภาวะดื้อต่ออินสุลิน ดังต่อไปนี้

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

  • ลดน้ำหนัก ควบคุมอาหารที่รับประทาน ด้วยการควบคุมอาหารหรือจำกัดปริมาณพลังงานที่ได้จากอาหารให้เหมาะสม ลดขนาดของอาหารที่ทานในแต่ละมื้อ ควรทานอาหารที่มีกากใยอาหารให้มากกว่า 30 กรัมต่อวัน
  • ออกกำลังกาย ด้วยความแรงระดับปานกลางอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีต่อวันและอย่างน้อย 3 – 5 วันต่อสัปดาห์

2. เมื่อตรวจพบความผิดปกติควรได้รับการรักษาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ของโรคหัวใจและหลอดเลือด

ได้แก่ การรักษาไขมันในเลือดสูงผิดปกติ การรักษาความดันโลหิตสูง และรักษาระดับน้ำตาลในเลือดสูง ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและอาจจะต้องพิจารณารักษาด้วยยาตามความเสี่ยงของแต่ละบุคคล

กลุ่มอาการอ้วนลงพุง เป็นโรคไม่ติดต่อที่สามารถป้องกันได้ เพียงแค่มีความรู้ เข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญ ของความเสี่ยง ตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้นในอนาคต  เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก่อนที่ภัยเงียบจะเข้าใกล้ตัวคุณ

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?